วันอาทิตย์ที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2566

ผบช.ตม.ปล่อยแถวอำนวยความสะดวกและความปลอดภัยแก่ชาวต่างชาติ สร้างภาพลักษณ์ท่องเที่ยวพัทยา

            เย็นวันที่ 31 ธ.ค.67 ที่ลานอเนกประสงค์ท่าเทียบเรือท่องเที่ยวพัทยา (บาลีฮาย) จ.ชลบุรี พล.ต.ท.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผบช.ตม. ให้เกียรติเดินทางทาเป็นประธานในพิธีปล่อยแถวอำนวยความสะดวกและความปลอดภัยแก่ชาวต่างชาติ โดยมี พ.ต.อ.นภัสพงษ์ โฆษิตสุริยมณี ผกก.ตม.จ.ชลบุรี นำคณะเจ้าหน้าที่ร่วมให้การต้อนรับ
     พล.ต.ท.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผบช.ตม. กล่าวว่า พิธีการปล่อยแถวเจ้าหน้าที่ในครั้งนี้เพื่อสร้างภาพลักษณ์ที่ดีด้านการท่องเที่ยว เนื่องจากมีชาวต่างชาติจำนวนมากเดินทางมาท่องเที่ยวและพักผ่อนที่เมืองพัทยา ตม.จึงบูรณาการร่วมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องระดมกำลังปล่อยแถวดูแลและอำนวยความสะดวกชาวต่างชาติในครั้งนี้
     นอกจากนี้ พล.ต.ท.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผบช.ตม.ยังได้มอบสิ่งของเพื่อบำรุงขวัญและกำลังใจแก่ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดชลบุรี อีกทั้งยังได้สนับสนุนการออกร้านให้บริการอาหารและเครื่องดื่มแก่ผู้ร่วมงาน รวมทั้งประชาชนและนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่ผ่านไปมาบริเวณสถานที่ดังกล่าวด้วย
/เก่ง ณ สงขลา รายงาน/

สุพรรณบุรีเก๋งข้ามเลนชนมินิบัสโดยสารพังยับดับ1เจ็บ1

         ที่จังหวัดสุพรรณบุรี เมื่อเวลา 12.00 น.วันที่ 31 ธ.ค.2566 พ.ต.ท.ชัยพร พูนจันทึก พนักงานสอบสวน สภ.เมืองสุพรรณบุรี รับแจ้งมีอุบัติเหตุรถตู้โดยสารชนรถเก๋งมีคนเสียชีวิตและบาดเจ็บที่ถนนสายโพธิ์พระยา-ท่าเรือ หมู่ 3 ตำบลโพธิ์พระยา จึงไปตรวจสอบพร้อมนายสิทธิศักดิ์ แย้มพรายภิรมย์ นายอำเภอเมืองสุพรรณบุรี เจ้าหน้าที่มูลนิธิเสมอกันกู้ภัยสุพรรณบุรี และเจ้าหน้าที่ขนส่งจังหวัดสุพรรณบุรี 
          ที่เกิดเหตุพบรถมินิบัสสีขาวโดยสารสายสุพรรณบุรี- กรุงเทพหมายเลขข้างรถ.ม.2(จ) 951-27 หมายเลขทะเบียน 10-1315 อ่างทอง จอดอยู่ สภาพกันชนหน้ารถยุบ ด้านซ้ายมีรอยชนกระจกหน้าแตก มีผู้โดยสารที่มากับรถตู้ได้รับบาดเจ็บเป็นชาย ฟันหน้าหักจากการถูกกระแทก 1 รายอาสาสมัครมูลนิธิเสมอกันกู้ภัยสุพรรณบุรีนำส่งโรงพยาบาลเจ้าพระยายมราชส่วนผู้โดยสารท่านอื่นอยู่ในอาการตื่นตกใจเล็กน้อย
ที่พงหญ้าชายถนนพบรถยนต์เก๋งยี่ห้อโตโยต้า วีออส หมายเลขทะเบียน กข 5849 อ่างทอง สภาพท้ายรถมีรอยถูกชนพังยับเยินใกล้กันพบร่างผู้เสียชีวิตทราบชื่อนายกิตติกร  เกษศรี อายุ 45 ปีอยู่บ้านเลขที่ 51/1 หมู่ 1 ตำบลสาวร้องไห้ อำเภอวิเศษชัยชาญ จังหวัดอ่างทอง เป็นผู้ขับขี่รถยนต์เก๋งคันดังกล่าว ตรวจสอบในรถยนต์เก๋งฝั่งที่นั่งข้างคนขับ พบของใช้อุปกรณ์ชาร์ตโทรศัพท์ และสุราวางอยู่ที่วางเท้าเบาะหน้าซ้าย 1 ขวด
    จากการสอบสวนนายนายประมวล  ปานมณี   อายุ 59 ปี อยู่บ้านเลขที่ 4 หมู่ 3 ตำบลปลายนา อำเภอศรีประจันต์ คนขับรถโดยสารกล่าวว่า  ก่อนเกิดเหตุตนรับผู้โดยสารจาก บขส. สุพรรณบุรี เข้า กทม.วิ่งเส้นทาง กรุงเทพ-วิเศษ-สุพรรณฯ ขณะนั้นมีผู้โดยสารอยู่ในรถ 7  เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุเห็นรถคู่กรณี เสียหลักปาดหน้ารถยนต์คันที่ขับอยู่ด้านหน้าตนก่อนแต่รถที่ถูกปาดหน้าหักหลบทัน แต่แล้วจู่ๆรถเก๋งก็เสียหลักข้ามเลนพุ่งเข้ามาหารถตน ในระยะกระชั้นชิดตนหลบและเบรคไม่ทันรถจึงจึงชนหน้ารถตนอย่างจังก่อนจะเสียหลักตกลงไปข้างทางทำให้คนขับรถเก๋งเสียชีวิตผู้โดยสารที่นั่งหน้าฟันหัก1 ราย นอกนั้นปลอดภัยทุกคน หลังเกิดเหตุได้ประสานรถมารับผู้โดยสารไปส่งยังจุดหมายปลายทาง ตนอยากฝากถึงผู้ขับรถทุกคนอย่าประมาทในช่วงเทศกาลขับขี่ให้ปลอดภัย   
       ส่วนรถคู่กรณีอยากให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบว่ามีการดื่มแอลกอฮอล์มาหรือไม่  เพราะทำเดือดร้อน ตนต้องผ่อนรถ ผ่อนบ้านมาเจอแบบนี้ิใครจะรับผิดชอบ
     ทางด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจกล่าวว่าหลังเกิดเหตุได้มาตรวจสอบที่เกิดเหตุ และร่วมกับแพทย์เวร ชันสูตเบื้องต้นพร้อมถ่ายภาพเก็บหลักฐานไว้ อย่างไรก็ตามจะได้สอบสวนสาเหตุอย่างละเอียดเพื่อดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป พร้อมกันนี้ได้มอร่างผู้เสียชีวิตให้ญาตินำไปประกอบพิธีทางศาสนาตามประเพณีต่อไป
/ภัทรพล พรมพัก    สุพรรณบุรี /

พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม นั่งหัวโต๊ะประชุมศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนตลอดทั้งปี คุมเข้มจุดเสี่ยงถนนหมู่บ้าน-ชุมชน และเส้นทางโดยรอบสถานที่จัดงานเทศกาลปีใหม่ สั่งทุกจังหวัดกวดขันพฤติกรรมเสี่ยงอุบัติเหตุ

         (31 ธันวาคม 2566) ผู้สื่อข่าวรายงานจาก ห้องประชุม 1 ปภ. อาคาร 3 ชั้น 5 กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนตลอดทั้งปี ถนนอู่ทองนอก กรุงเทพฯ ว่า พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พร้อมด้วย นายโชตินรินทร์ เกิดสม รองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายไชยวัฒน์  จุนถิระพงศ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายเธียรชัย ชูกิตติวิบูลย์ นางสาวชัชดาพร บุญพีระณัช รองอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และ พ.ต.ท. มนตรี บุณยโยธิน รองอธิบดีกรมคุมประพฤติ แถลงสรุปสถิติอุบัติเหตุทางถนนประจำวันที่ 30 ธันวาคม 2566 เกิดอุบัติเหตุ 385 ครั้ง ผู้บาดเจ็บ 404 คน ผู้เสียชีวิต 37 ราย สรุปอุบัติเหตุทางถนนสะสมในช่วง 2 วันของการรณรงค์ (29 – 30 ธ.ค. 66) เกิดอุบัติเหตุ รวม 724 ครั้ง ผู้บาดเจ็บ รวม 739 ราย ผู้เสียชีวิต รวม 71 ราย จังหวัดที่ไม่มีผู้เสียชีวิต (ตายเป็นศูนย์) มี 37 จังหวัด ซึ่ง ศปถ.ได้ประสานจังหวัดเพิ่มความเข้มข้นจัดตั้งด่านชุมชน โดยเฉพาะเส้นทางชุมชนเข้าออกหมู่บ้าน เพื่อเข้าสู่ถนนสายหลัก พร้อมคุมเข้มเส้นทางโดยรอบสถานที่จัดงานเทศกาลปีใหม่ เพื่อป้องปรามพฤติกรรมเสี่ยงอุบัติเหตุทางถนน โดยเฉพาะการดื่มแล้วขับ เพื่อสร้างความปลอดภัยแก่ประชาชน
พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ในฐานะประธานแถลงข่าวศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ พ.ศ. 2567 เปิดเผยว่า ศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ พ.ศ. 2567 โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยและความร่วมมือของหน่วยงานภาคีเครือข่ายได้รวบรวมสถิติอุบัติเหตุทางถนนประจำวันที่ 30 ธันวาคม 2566 ซึ่งเป็นวันที่สองของการรณรงค์ “ขับขี่ปลอดภัย เมืองไทยไร้อุบัติเหตุ” เกิดอุบัติเหตุ 385 ครั้ง ผู้บาดเจ็บ 404 คน ผู้เสียชีวิต 37 ราย สาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ ขับรถเร็ว ร้อยละ 34.55 ดื่มแล้วขับ ร้อยละ 22.60 ยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ รถจักรยานยนต์ ร้อยละ 85.29 ส่วนใหญ่เกิดบนเส้นทางตรง ร้อยละ 80.52 ถนนกรมทางหลวง ร้อยละ 38.44 ถนนใน อบต./หมู่บ้าน ร้อยละ 35.32 ช่วงเวลาที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ ช่วงเวลา 18.01 – 19.00 น. ร้อยละ 9.61 ผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตสูงสุด อยู่ในช่วงอายุ 20 - 29 ปี ร้อยละ 20.63 จัดตั้งจุดตรวจหลัก 1,774 จุด เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงาน 51,408 คน โดยจังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ ตาก (18 ครั้ง) จังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสูงสุด ได้แก่ ตาก (18 คน) จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสูงสุด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร (4 ราย) 
     สรุปอุบัติเหตุทางถนนสะสมในช่วง 2 วันของการรณรงค์ (29 – 30 ธ.ค. 66) เกิดอุบัติเหตุรวม 724 ครั้ง ผู้บาดเจ็บ รวม 739 คน ผู้เสียชีวิต รวม 71 ราย จังหวัดที่ไม่มีผู้เสียชีวิต (ตายเป็นศูนย์) มี 37 จังหวัด จังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสะสมสูงสุดได้แก่ ขอนแก่น (31 ครั้ง) จังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสะสมสูงสุด ได้แก่ ขอนแก่น และตาก  (จังหวัดละ 30 คน) จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสะสมสูงสุด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร และปราจีนบุรี (จังหวัดละ 5 ราย) 
           พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวต่อว่า วันนี้ประชาชนส่วนใหญ่จะอยู่ในพื้นที่ และมีการจัดงานเฉลิมฉลองส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่กับครอบครัวและเพื่อนฝูง รวมถึงเฉลิมฉลองกันตามสถานที่จัดงานปีใหม่ ซึ่งอาจเพิ่มปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุทางถนนจากการดื่มแล้วขับ โดยเฉพาะเส้นทางชุมชนเข้าออกหมู่บ้าน เพื่อเข้าสู่ถนนสายหลัก พร้อมคุมเข้มเส้นทางโดยรอบแหล่งท่องเที่ยว ศาสนสถาน สถานบันเทิง และสถานที่จัดงานเทศกาลปีใหม่ให้สอดคล้องกับช่วงเวลาที่เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ ศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนนได้ประสานจังหวัด ตำรวจ ทหาร ฝ่ายปกครอง อาสาสมัครในพื้นที่ เพิ่มกำลังตรวจตราดูแลความปลอดภัยของประชาชนและนักท่องเที่ยวเป็นพิเศษ คุมเข้มพฤติกรรมดื่มแล้วขับ ขับรถเร็วเกินกว่ากฎหมายกำหนด ไม่คาดเข็มขัดนิรภัย และไม่สวมหมวกนิรภัย รวมถึงเพิ่มความเข้มข้นจัดตั้งจุดตรวจของด่านชุมชนในเส้นทางสายรอง เส้นทางเข้าออกชุมชนและหมู่บ้าน เพื่อป้องปรามพฤติกรรมเสี่ยงอุบัติเหตุทางถนน รวมถึงเข้มงวดร้านค้าในการจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยเฉพาะในกลุ่มเด็กและเยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 20 ปี และการจำหน่ายเร่ขายในบริเวณสถานที่จัดงาน ควบคู่กับการตรวจวัดระดับแอลกอฮอล์ผู้ขับขี่ รวมถึงประชาสัมพันธ์มาตรการลดอุบัติเหตุทางถนนและการได้โทษตามกฎหมายที่กำหนด
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า นายไชยวัฒน์  จุนถิระพงศ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ในฐานะเลขานุการศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน เปิดเผยว่า วันนี้เป็นวันส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ หลายพื้นที่มีการจัดกิจกรรมและจัดงานเลี้ยงสังสรรค์ ศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนนได้กำชับจังหวัดเพิ่มความเข้มข้นจัดตั้งจุดตรวจของด่านชุมชนในเส้นทางสายรอง เส้นทางเข้าออกชุมชน ถนน อบต.และหมู่บ้าน เพื่อป้องปรามพฤติกรรมเสี่ยงอุบัติเหตุทางถนน โดยเฉพาะดื่มแล้วขับ ขับรถเร็ว พร้อมกวดขันกลุ่มผู้ใช้รถจักรยานยนต์ให้สวมหมวกนิรภัยและไม่ขับขี่ด้วยความคึกคะนองและเสี่ยงอันตราย พร้อมกำชับหน่วยงานในพื้นที่เฝ้าระวังการเกิดอัคคีภัยจากการจุดพลุและประทัด เพื่อให้ประชาชนมีความปลอดภัยและมีความสุขในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2567 ท้ายนี้ สำหรับประชาชนที่ประสบหรือพบเห็นอุบัติเหตุสามารถแจ้งเหตุได้ทางสายด่วน 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง และไลน์ “ปภ.รับแจ้งเหตุ1784” โดยเพิ่มเพื่อน Line ID @1784DDPMเพื่อประสานให้การช่วยเหลือโดยด่วนต่อไป

พิษณุโลก เจอ”หิมะ”ตกหนัก เสมือนจริง ที่ HILL COFFEE ริมถนน แวะก่อนทางขึ้น-ลงภูหินฯ ที่นอนกางเต็นท์คึกคัก สวนยอด”ภูลมโล” อุณหภูมิ 12 องศา “ซากุระเมืองไทย”กำลังผลิ

    วันนี้ 31 ธันวาคม 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศท่องเที่ยววันหยุดยาวคักคัก เริ่มจากบริเวณพื้นราบ ทางขึ้น-ลง อช.ภูหินร่องกล้า พบว่า มีนักท่องเที่ยวแวะเยือนไม่ขาดสาย เพื่อดื่มกาแฟหอมๆ ณ.HILL COFFEE  แท้ทางขึ้นภูหิน ก็พบว่า อากาศเย็นสบาย มีลูกค้ารอคิว เพื่อชม หิมะ ตก โดยทางร้านได้ใช้ เครื่องพ่น หิมะเทียม ระบุตารางเวลาหิมะตกทุกชั่วโมงในช่วงปีใหม่ พร้อมตบแต่งสถานที่สไตล์สวนญี่ปุ่น เพียงลูกค้า นำใบเสร็จ ซื้ออาหารหรือเครื่องดื่ม ก็สามารถเข้าชมได้แล้ว เว้นแต่ไม่มีใบเสร็จมีเก็บค่าสถานที่50บาท แต่เด็กเข้าฟรี
       ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศภายในอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า นักท่องเที่ยวคึกคัก ห้องพักอุทยานฯเต็มปกติทุกปี ส่วนลานกางเต็นท์มีนักท่องเที่ยวแห่กางเต็นท์รับลมหนาว ท่ามกลางรถยนต์จอดเรียงราย ล่าสุด กรมอุทยานฯ ประกาศ ให้ยกเว้นค่าบริการเข้าอุทยานแห่งชาติสำหรับบุคคลชาวไทยและยานพาหนะ ช่วงส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ 31 ธันวาคม 2566 และวันที่ 1 มกราคม 2567 เท่านั้น  
      ส่วน ต้นพญาเสือโคร่งประมาณ 1,200 ไร่ หรือซากุระเมืองไทย อยู่ตอนบนของอุทยานฯ กำลังทยอยผลิ ดอก แต่ยังไม่เต็มแปลง และมีประกาศจากอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า ห้ามนำยานพาหนะ มิได้อนุญาตเข้าไปในเขตภูลมโล ตั้งแต่วันที่ 30 ธ.ค. 66  ซึ่งนักท่องเที่ยวจะต้องจ้างรถท้องถิ่นซึ่งเป็นกลุ่มม้งในพื้นที่เดินทางไปยอดภูลมโลและชมดอกพญาเสือโคร่ง เพื่อป้องกันการจราจรหนาแน่น โดยเฉพาะเส้นทางขึ้น”ยอดภูลมโล” ณ.ความสูง 1,664 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล พบนักท่องเที่ยวขึ้นไปชมพระอาทิตย์รับขึ้นแสงแรก ท่ามกลางอุณหภูมิประมาณ 12 องศา ลมหนาวเย็นพัดโชย
/ป๊อกกองปราบ ภาพ-ข่าว/

การให้ คือทานที่ยิ่งใหญ่ ตร.น้ำใจงาม เข้าช่วยเหลือ โรงเรียน ที่ด้อยโอกาส และยังขาดทุนทรัพย์

   มอบ ดินทราย มาทำสนามฟุตบอล เพื่อให้เด็กและคนในชุมชน ได้มีที่ออกกำลังกาย และแจกทุนการศึกษา 20,000 บาทให้กับเด็กยากไร้ ในวันเด็ก ปี 67 เป็นการแสดงออกของคนดีมีน้ำใจ ที่ช่วยเหลือสังคม เป็นที่น่าชื่นชมและสรรเสริญยิ่งนัก 
      เมื่อวันที่ 31 ธันวาคม 2566 ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยว่า พ.ต.ต.วสันต์  วิลัยเกษม นว.( สบ 2 ) ผบช.ศ. นายเวร ของ พล.ต.ท. วัฒนา ยี่จีน ผู้บัญชาการศึกษา สำนักงานตำรวจแห่งชาติ คนดีมีน้ำใจ ได้นำดินทราย 20 กว่าคันรถ มอบให้ โรงเรียนบ้านหัวนา เพื่อสนับสนุนปรับปรุง ทำสนามฟุตบอล เพื่อการเป็นการกุศลและช่วยเหลือสังคม ให้เด็กนักเรียนและชาวบ้านในชุมชนได้มีสนามไว้ออกกำลังกาย หลังจากที่ทราบว่า นายกณวรรธน์ แก่นแก้ว ผอ.โรงเรียนบ้านหัวนา อยากได้ทรายมาปรับปรุง ทำสนามฟุตบอล แต่ขาดกำลังทุนทรัพย์ ซึ่งรับทราบจากการประสานงานของ นายศักดิ์ชาย เล้าอรุณ ประธานชมรมฟุตบอลปากแพรก ที่ร่วมกับ ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านหัวนา พยายามพัฒนาและหาทุน มาส่งเสริมปรับปรุงทำสนามฟุตบอล ให้เด็กๆ และชาวบ้านที่อยู่ในชุมชนนั้น ได้มีที่ออกกำลังกาย พร้อมกับใช้ประโยชน์ในการฝึกซ้อมของนักกีฬาชมรมฟุตบอลปากแพรกฯ ที่ผ่านมาก็รับการช่วยเหลือบ้าง จากทางนายกเทศบาลเมืองปากแพรก และ สท.ในเขต ฯ แต่ก็ยังไม่พอ และครั้งที่แล้วก็ได้จัดกิจกรรมฟุตบอลการกุศล ติดแผงเสาไฟโซล่าเซลล์ให้กับสนามโรงเรียนได้ระดับหนึ่ง
     ซึ่งวันนี้ก็ได้รับความอนุเคราะห์ จาก พ.ต.ต.วสันต์ วิลัยเกษม นว.( สบ2 ) ผบช.ศ. การที่นำดินทรายมาสนับสนุน ครั้งนี้ช่วยให้โรงเรียน ที่ยังด้อยโอกาสได้มีสนามฟุตบอล ซึ่งยังไม่มีใครยื่นมือเข้าช่วย และยังออกทุนให้รถไถมาเกรดมาปรับสนาม พร้อมกับมอบทุนการศึกษา ให้เด็กที่ยากไร้ ในโรงเรียนบ้านหัวนา เป็นเงิน 2 หมื่นบาท และนำอาหารมาเลี้ยงเด็กนักเรียนในวันเด็กแห่งชาติปีนี้อีกด้วย
      โรงเรียนบ้านหัวนา เป็นโรงเรียนเล็กๆ ชั้นประถม ที่อยู่ในตำบลปากแพรก อำเภอเมืองกาญจนบุรี มีเด็กนักเรียน ทั้งหมดชายหญิงรวมกัน 160 คน ครึ่งหนึ่ง เป็นเด็กนักเรียนชาวต่างด้าว จึงไม่ค่อยมีใครสนใจ ให้ความช่วยเหลือ ค่อนข้างจะอาภัพ และยังด้อยโอกาส ประกอบกับเป็นโรงเรียนที่ไม่มีชื่อเสียง หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังไม่ทราบ ถึงความขาดแคลนหลายๆ อย่างก็เป็นได้ 
       อย่างไรก็ตามซึ่งวันนี้ได้เจอผู้มีอุปการะคุณให้ความช่วยเหลือแบ่งปันน้ำใจเผื่อแผ่ มาปรับปรุงทำสนามให้เด็กๆ และชาวบ้าน มีที่ออกกำลังกาย จะได้ห่างไกลจากเกม และยาเสพติด ส่วนชาวบ้านก็จะได้มีสุขภาพที่แข็งแรงปราศจากโรคภัย ครั้งนี้อาจเป็นแบบอย่างที่ดีให้สังคม หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วน หรือผู้ใจบุญ เข้ามาช่วยในอนาคตก็เป็นได้ 
    ทั้งนี้ทางประธาน ชมรมฟุตบอลปากแพรกกับ ผู้อำนวยการ รร.ฯ และคณะครู ฝากขอบคุณ พ.ต.ต.วสันต์ฯ  เป็นอย่างสูง ที่เล็งเห็นความสำคัญและให้โอกาส ให้ความช่วยเหลือ เด็กๆ ที่ต่อไปพวกเขาคืออนาคตของประเทศชาติในภายภาคหน้า 
#///// กัมพล ทันเวลา // ทีมข่าวภาคตะวันตก

รมว.แรงงาน "พิพัฒน์" ห่วงใยพี่น้องผู้ใช้แรงงานภาคใต้น้ำท่วม โดยปลัดแรงงาน "ไพโรจน์" รับลูก จัดส่งข้าวสาร - ถุงยังชีพ กว่า 3,000 กิโลกรัม เร่งช่วยเหลือในพื้นที่ ปัตตานี ยะลา นราธิวาส

         วันที่ 31 ธันวาคม 2566 นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า ตามที่ได้เกิดฝนตกหนักน้ำท่วมฉับพลันน้ำป่าไหลหลากและดินสไลด์ระหว่างวันที่ 22 - 30 ธ.ค.66 ในพื้นที่จังหวัดสงขลา ปัตตานี ยะลา นราธิวาส และสตูล ซึ่งจากข้อมูลของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พบว่า จากเหตุการณ์ดังกล่าวมีพื้นที่ได้รับผลกระทบรวม 34 อำเภอ 196 ตำบล 1,324 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 109,282 ครัวเรือน ในส่วนของการให้ความช่วยเหลือของกระทรวงแรงงานเมื่อวันที่ 29 ธ.ค.66 หลังจากที่ผมและคณะ ได้ลงพื้นที่จังหวัดนราธิวาสเพื่อเยี่ยมให้กำลังใจผู้ได้รับผลกระทบและมอบถุงยังชีพ จำนวน 1,050 ถุง พร้อมกับผมได้มอบหมายให้นายสิรภพ ดวงสอดศรี ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงแรงงาน ลงพื้นที่เตรียมอาหารเพื่อมอบข้าวกล่องให้ผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่อำเภอเมืองและอำเภอสายบุรี จังหวัดปัตตานี จำนวน 1,400 ชุดแล้วนั้น และในวันนี้ผมได้รับรายงานจากนายไพโรจน์ โชติกเสถียร ปลัดกระทรวงแรงงาน ว่า กระทรวงแรงงานยังได้จัดส่งข้าวสารถุงละ 5 กิโลกรัม อีกจำนวน 600 ถุง และถุงยังชีพที่บรรจุข้าวสาร อาหารแห้ง และเครื่องอุปโภคบริโภค จำนวน 120 ถุง รวมทั้งสิ้น 720 ถุง ซึ่งเดินทางออกจากกระทรวงแรงงาน เมื่อวันที่ 29 ธ.ค.66 โดยลำเลียงไปยังจังหวัดปัตตานี ยะลา และนราธิวาส เพื่อมอบให้กับพี่น้องผู้แรงงานซึ่งประสบอุทกภัยในพื้นที่ดังกล่าวเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนด้านการดำรงชีพและเป็นขวัญกำลังใจให้ในเบื้องต้นแล้ว
       ด้าน นายไพโรจน์ โชติกเสถียร ปลัดกระทรวงแรงงาน กล่าวว่า ท่านพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ได้ติดตามสถานการณ์น้ำท่วมในภาคใต้อย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง มีความห่วงใยถึงพี่น้องผู้ใช้แรงงาน และประชาชนที่ประสบอุทกภัยจึงได้ลงพื้นที่ไปเยี่ยมให้กำลังใจผู้ได้รับผลกระทบและมอบถุงยังชีพด้วยตนเอง และในวันนี้ผมได้รับรายงานจากแรงงานปัตตานี ยะลา และนราธิวาสว่า แต่ละจังหวัดได้รับข้าวสารและถุงยังชีพที่ลำเลียงไปจากกระทรวงแรงงานจำนวนทั้งสิ้น 720 ถุง แบ่งเป็นข้าวสารจังหวัดละ 200 ถุง และถุงยังชีพจังหวัดละ 40 ถุง เพื่อให้เจ้าหน้าที่ อาสาสมัครแรงงาน และบัณฑิตแรงงานนำไปแจกจ่ายให้กับพี่น้องผู้ใช้แรงงานที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยในพื้นที่ นอกจากนั้น ในส่วนของการให้ความช่วยเหลือของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงแรงงาน บัณฑิตแรงงานและอาสาสมัครแรงงานร่วมกับหน่วยงานในพื้นที่เข้าไปให้ความช่วยเหลือพี่น้องผู้ใช้แรงงานและประชาชน โดยสนับสนุนช่วยขนย้ายสิ่งของ รถยนต์ ยานพาหนะ และประชาชนไปยังพื้นที่ปลอดภัยและมอบถุงยังชีพ อาหาร และน้ำดื่มแก่ผู้ประสบภัย ซ่อมแซมอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน รถยนต์ รถจักรยานยนต์และอุปกรณ์ทางการเกษตรภายหลังน้ำลด รวมทั้งทำการสำรวจบ้านเรือนที่เสียหายทั้งหลังและเสียหายบางส่วน เพื่อที่จะทำการซ่อมแซมและสร้างบ้านพักให้ใหม่อีกด้วย
        ทั้งนี้ ลูกจ้าง นายจ้าง และประชาชนที่ประสบอุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้ที่ได้รับความเดือดร้อนและต้องการขอรับความช่วยเหลือจากหน่วยงานในสังกัดกระทรวงแรงงานในพื้นที่ หรือสามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดได้ที่สายด่วนกระทรวงแรงงาน 1506

วันเสาร์ที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2566

"บิ๊กโจ๊ก" นั่ง ฮ.ตรวจเยี่ยมงาน Pattaya Countdown 2024 สร้างความมั่นใจด้านการท่องเที่ยวรับส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ 2567

      ตามที่เมืองพัทยาร่วมกับองค์การบริหารส่วนจังหวัดชลบุรี กำหนดจัดงาน "PATTAYA COUNTDOWN 2024” ในธีม "The Fantastic Beach” ระหว่างวันที่ 29-31 ธันวาคม 2566 ที่บริเวณชายหาดพัทยากลาง พร้อมกำหนดจัด "KOH LAN COUNTDOWN 2024" ในวันที่ 31 ธันวาคม 2566 ที่บริเวณท่าหน้าบ้านเกาะล้าน โดยมีศิลปินชั้นนำของประเทศเข้าร่วมสร้างความคึกคักสนุกสนานสร้างสีสันการท่องเที่ยวส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ 2567 
    ล่าสุด ค่ำวันที่ 30 ธ.ค.66 มีรายงานว่า พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ได้เดินทางด้วยเฮลิคอปเตอร์ AW-189 มายังสนามจอด ฮ.ชั่วคราววัดญาณวสังวราราม จ.ชลบุรี ก่อนเดินทางด้วยรถยนต์เข้ามายังพื้นที่จัดงาน "PATTAYA COUNTDOWN 2024” บริเวณริมชายหาดพัทยา เพื่อปฏิบัติราชการตรวจความพร้อมข้าราชการตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่รักษาความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกตามแผน  รปภ./จร. เทศกาลปีใหม่ พ.ศ.2567 และพบปะประชาชนและนักท่องเที่ยวที่เข้าร่วมงาน "PATTAYA COUNTDOWN 2024”
        พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. กล่าวว่า ด้วยเทศกาลปีใหม่ 2567 ประชาชนและนักท่องเที่ยวจะออกเดินทางไปท่องเที่ยวและพักผ่อนตามแหล่งท่องเที่ยวชื่อดัง ส่งผลให้เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศ ในการนี้เองสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ให้ความสำคัญในการดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนและอำนวยความสะดวกนักท่องเที่ยวเพื่อสร้างความประทับใจ
        และด้วยเมืองพัทยาเป็นเมืองเศรษฐกิจหลักของภาคตะวันออกจึงจำเป็นต้องสร้างความเชื่อมั่นและความมั่นใจให้กับประชาชนและนักท่องเที่ยว จึงได้เดินทางมาตรวจความพร้อมของเจ้าหน้าที่ตำรวจพบว่าเป็นไปอย่างเข้มแข็ง และขอให้ปีใหม่นี้ประชาชนและนักท่องเที่ยวมีความสุข ท่องเที่ยวได้อย่างปลอดภัย
/เก่ง ณ สงขลา รายงาน/

ชาวสงขลา แห่ส่งกำลังใจนิพนธ์ อดีต รมช.มหาดไทยอย่างเนืองแน่น พร้อมส่งมอบความสุขเทศกาลปีใหม่ ส่วนเส้นทางการเมืองนิพนธ์ ชี้ขณะนี้รอตกผลึก

    (30 ธ.ค.66) นายนิพนธ์ บุญญามณี อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วยนายสรรเพชญ บุญญามณี  สส.เขต 1 สงขลา เปิดบ้านให้การต้อนรับ  ผู้บริหารท้องที่ ผู้บริหารท้องถิ่นในจังหวัดสงขลา พล.ต.ต.สุรินทร์ ปาลาเร่ สส. พรรคปชป.เขต 8 สงขลา  ข้าราชการตำรวจ ภาค 9 สำนักงานที่ดินจังหวัดสงขลา  ชมรม สมาคม  ผู้ประกอบการและประชาชนทั่วไปในจังหวัดสงขลา ที่ร่วมส่งมอบกำลังใจ และอวยพรเนื่องในโอกาสวันขึ้นปีใหม่ ที่บ้านพักเขารูปช้าง อำเภอเมือง จังหวัดสงขลา ท่ามกลางบรรยากาศอย่างเป็นกันเองของพี่น้องประชาขนจากทุกภาคส่วน ที่พร้อมใจเดินทางมาให้กำลังใจแก่ครอบครัวบุญญามณีกันอย่างเนืองแน่น
    ทั้งนี้นายนิพนธ์ได้กล่าวอวยพรเนื่องในโอกาสวันขึ้นปีใหม่ 2567 ผ่านสื่อมวลชนถึงพี่น้องประชาชนว่า "ในวาระดิถีขึ้นปีใหม่ 2567 ขอถือโอกาสนี้อาราธนาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายที่พี่น้องประชาชนเคารพ นับถือจงได้ดลประทานพรให้ทุกท่านให้มีสุขภาพกาย สุขภาพใจที่แข็งแรงปฏิบัตืหน้าที่ประกอบอาชีพให้ประสบความสำเร็จ สิ่งใดที่ไม่พึงปรารถนาและเข้ามาในขีวิตของพี่น้องตลอดปี 2566 ก็ขอให้สิ่งเหล่านั้นได้ผ่านพ้นจากกาลเวลาในปี 2566 ขอให้ปี 2567 เป็นปีที่พี่น้องประชาขนได้ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน หวังสิ่งใดปรารถนาสิ่งใด ขอให้สมปรารถนา สำคัญที่สุดขอให้สุขภาพกายและใจแข็งแรงตลอดปี 2567  สวัสดีปีใหม่ครับ"
   ในส่วนของทิศทางการเมืองในปี 2567 นั้น นายนิพนธ์กล่าวว่าเสริมว่า หลายคนถามว่าผมคิดอย่างไร จึงขอกราบเรียนว่าในขณะนี้ได้มีการพูดคุยกันจริง แต่ก็ยังถือว่ายังอยู่ในระหว่างขั้นตอนการพูดคุย ผมหวังว่าในเร็วๆนี้คงได้ตกผลึกว่าจะทำกันอย่างไร หรือจะเดินในสถานการณ์การเมืองอย่างไร แต่คิดว่าการเมืองมันเกี่ยวข้องกับทุกคนอยู่แล้ว ซึ่งผมก็อยู่ในเส้นทางการเมืองมาตลอดตั้งแต่เป็นยุวชน จนมาถึงวันนี้ก็เป็นเวลาร่วม 50 ปีแล้ว เป็นยุวประชาธิปัตย์   แล้วมาป็นสมาชิกสภา  เป็นประธานสภาจังหวัด และมาเป็นสส.ทั้งเขต และบัญชีรายชื่อ 8 สมัย แบะกลับมาเป็นนายก อบจ. และเป็นกบับเป็นรัฐมนตรีช่วยมหาดไทย ในอนาคตจะเป็นอย่างไรผมคิดว่าจะได้ปรึกษาหารือกับเพื่อนร่วมอุดมการณ์ทั้งหลายเพื่อให้ตกผลึก ผมคิดว่าการเมืองเป็นสิ่งที่เราปฏิเสธไม่ได้ ผมเส้นทางเกือบตลอดชีวิตอยู่ในเส้นทางการเมืองมาตลอด 
  ผมเป็นมาตั้งแต่ยุวประชาธิปัตย์ ตั้งแต่ม.ศ. 3 ม.ศ. 4 ผมเจ้าประชาธิปัตย์แล้ว นั่งรถทำหน้าที่เป็นโฆษกเป็นพิธีกรให้กับลุงคล้าย ละอองมณีในขณะนั้น เมื่อปี 18 ปี19 นายคล้าย ละอองมณี นายอำนวย สุวรรณคีรี อีกหลายคนจนมาถึงท่านสงบ ทิพย์มณี ในสงขลา จนมาถึงกรุงเทพฯไปช่วยพรรคประชาธิปัตย์หาเสียง ปี 22 จนกระทั่งเป็นประธานยุวประชาธิปัตย์ สมัยท่านอาจารย์ณรงค์ เพชรประเสริฐ ทำยุวประชาธิปัตย์สมัยท่านพิชัย รัตตกุล เป็นหัวหน้าพรรค จนมาถึงท่านชวน หลีกภัย ท่านอภิสิทธิ์ และท่านจุรินทร์ก็ถือว่าอยู่ในพรรคประชาธิปัตย์มาอย่างยาวนาน ฉะนั้นการคิด จะพูดจาหรือจะทำอะไร ก็ต้องคิดเพราะชีวิตผมอยู่ที่นี่ ดังนั้นวันที่ตัดสินใจจะเข้าพรรคประชาธิปัตย์ วันนั้นเราถือว่าพรรคประชาธิปัตย์เป็นพรรคที่มีความคิดเสรีนิยมก้าวหน้า ตั้งแต่ปี 18,19 ในขณะนั้นประชาธิปัตย์โดนกล่าวหาว่าเป็นคอมมิวนิสต์ด้วยซ้ำ กรณีเกตุการณ์ตุลาเกิดขึ้น ผมอยู่ที่นี่มาจนถึงวันหนึ่ง เขาบอกว่าประชาธิปัตย์ไปเป็นอนุรักษ์นิยม ซึ่งผมก็มีความสงสัยว่าเป็นไปได้อย่างไร เพราะ อุดมการณ์ของพรรคไม่ได้เปลี่ยน แต่คนอาจจะเปลี่ยน นี่คือสิ่งที่กำลังคิดให้ตกผลึกว่า อะไรมันเกิดขึ้นในทางการเมือง 50 ปีของผม
  ในส่วนของที่ไม่มีโลโก้พรรคของผมนั้น ขอเรียนว่าเพราะผมไม่ได้มีตำแหน่งใดๆในพรรค ผมมีฐานะเป็นสมาชิกธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น ถ้าผมไปขึ้นเดี๋ยวจะเกิดมีข้อครหาต่างๆ ดังนั้นเมื่อไม่ได้เป็นกรรมการก็ขอใช้ในฐานะคนธรรมดา ซึ่งในส่วนของสรรเพชญ ผมมองว่าเป็นเรื่องส่วนตัว ผมไม่ไปก้าวก่าย เพราะเป็นผู้แทนราษฎร จึงมีอิสระในความคิดการทำ บางสิ่งบางอย่างที่ทำก็ถือว่าน้องเขาคิดอย่างนั้น เพราะน้องเป็นคนรุ่นใหม่จะคิดหรือจะทำอะไรก็เป็นเรื่องส่วนตัวของเขา
    วันนี้เราต้องพูดถึงเรื่องจุดยืน เรื่องของเสรีนิยม กับอนุรักษ์นิยมต้องให้ตกผลึก อุดมการณ์ 10 ข้อของประชาธิปัตย์ ไม่ว่าเรื่องกระจายอำนาจ เรื่องของที่ดิน การจัดที่ทำกินให้กับประชาชน หรือที่บอกว่าพรรคจะสู้กับเผด็จการเหล่านี้เป็นจุดยืนของปนะชาธิปัตย์มาร่วม 76 ปีก้าวสู่ปีที่ 77แล้ว จุดยืนเหล่านี้จึงต้องมาทบทวนว่ามีการเปลี่ยนแปลงหรือไม่ จุดยืนเหล่านี้ของพรรคประชาธิปัตย์ไม่เปลี่บนแต่คนเปลี่ยน ก็จะได้รู้ว่าคนมันเปลี่ยนไป