วันเสาร์ที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2566

ชาวสงขลา แห่ส่งกำลังใจนิพนธ์ อดีต รมช.มหาดไทยอย่างเนืองแน่น พร้อมส่งมอบความสุขเทศกาลปีใหม่ ส่วนเส้นทางการเมืองนิพนธ์ ชี้ขณะนี้รอตกผลึก

    (30 ธ.ค.66) นายนิพนธ์ บุญญามณี อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วยนายสรรเพชญ บุญญามณี  สส.เขต 1 สงขลา เปิดบ้านให้การต้อนรับ  ผู้บริหารท้องที่ ผู้บริหารท้องถิ่นในจังหวัดสงขลา พล.ต.ต.สุรินทร์ ปาลาเร่ สส. พรรคปชป.เขต 8 สงขลา  ข้าราชการตำรวจ ภาค 9 สำนักงานที่ดินจังหวัดสงขลา  ชมรม สมาคม  ผู้ประกอบการและประชาชนทั่วไปในจังหวัดสงขลา ที่ร่วมส่งมอบกำลังใจ และอวยพรเนื่องในโอกาสวันขึ้นปีใหม่ ที่บ้านพักเขารูปช้าง อำเภอเมือง จังหวัดสงขลา ท่ามกลางบรรยากาศอย่างเป็นกันเองของพี่น้องประชาขนจากทุกภาคส่วน ที่พร้อมใจเดินทางมาให้กำลังใจแก่ครอบครัวบุญญามณีกันอย่างเนืองแน่น
    ทั้งนี้นายนิพนธ์ได้กล่าวอวยพรเนื่องในโอกาสวันขึ้นปีใหม่ 2567 ผ่านสื่อมวลชนถึงพี่น้องประชาชนว่า "ในวาระดิถีขึ้นปีใหม่ 2567 ขอถือโอกาสนี้อาราธนาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายที่พี่น้องประชาชนเคารพ นับถือจงได้ดลประทานพรให้ทุกท่านให้มีสุขภาพกาย สุขภาพใจที่แข็งแรงปฏิบัตืหน้าที่ประกอบอาชีพให้ประสบความสำเร็จ สิ่งใดที่ไม่พึงปรารถนาและเข้ามาในขีวิตของพี่น้องตลอดปี 2566 ก็ขอให้สิ่งเหล่านั้นได้ผ่านพ้นจากกาลเวลาในปี 2566 ขอให้ปี 2567 เป็นปีที่พี่น้องประชาขนได้ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน หวังสิ่งใดปรารถนาสิ่งใด ขอให้สมปรารถนา สำคัญที่สุดขอให้สุขภาพกายและใจแข็งแรงตลอดปี 2567  สวัสดีปีใหม่ครับ"
   ในส่วนของทิศทางการเมืองในปี 2567 นั้น นายนิพนธ์กล่าวว่าเสริมว่า หลายคนถามว่าผมคิดอย่างไร จึงขอกราบเรียนว่าในขณะนี้ได้มีการพูดคุยกันจริง แต่ก็ยังถือว่ายังอยู่ในระหว่างขั้นตอนการพูดคุย ผมหวังว่าในเร็วๆนี้คงได้ตกผลึกว่าจะทำกันอย่างไร หรือจะเดินในสถานการณ์การเมืองอย่างไร แต่คิดว่าการเมืองมันเกี่ยวข้องกับทุกคนอยู่แล้ว ซึ่งผมก็อยู่ในเส้นทางการเมืองมาตลอดตั้งแต่เป็นยุวชน จนมาถึงวันนี้ก็เป็นเวลาร่วม 50 ปีแล้ว เป็นยุวประชาธิปัตย์   แล้วมาป็นสมาชิกสภา  เป็นประธานสภาจังหวัด และมาเป็นสส.ทั้งเขต และบัญชีรายชื่อ 8 สมัย แบะกลับมาเป็นนายก อบจ. และเป็นกบับเป็นรัฐมนตรีช่วยมหาดไทย ในอนาคตจะเป็นอย่างไรผมคิดว่าจะได้ปรึกษาหารือกับเพื่อนร่วมอุดมการณ์ทั้งหลายเพื่อให้ตกผลึก ผมคิดว่าการเมืองเป็นสิ่งที่เราปฏิเสธไม่ได้ ผมเส้นทางเกือบตลอดชีวิตอยู่ในเส้นทางการเมืองมาตลอด 
  ผมเป็นมาตั้งแต่ยุวประชาธิปัตย์ ตั้งแต่ม.ศ. 3 ม.ศ. 4 ผมเจ้าประชาธิปัตย์แล้ว นั่งรถทำหน้าที่เป็นโฆษกเป็นพิธีกรให้กับลุงคล้าย ละอองมณีในขณะนั้น เมื่อปี 18 ปี19 นายคล้าย ละอองมณี นายอำนวย สุวรรณคีรี อีกหลายคนจนมาถึงท่านสงบ ทิพย์มณี ในสงขลา จนมาถึงกรุงเทพฯไปช่วยพรรคประชาธิปัตย์หาเสียง ปี 22 จนกระทั่งเป็นประธานยุวประชาธิปัตย์ สมัยท่านอาจารย์ณรงค์ เพชรประเสริฐ ทำยุวประชาธิปัตย์สมัยท่านพิชัย รัตตกุล เป็นหัวหน้าพรรค จนมาถึงท่านชวน หลีกภัย ท่านอภิสิทธิ์ และท่านจุรินทร์ก็ถือว่าอยู่ในพรรคประชาธิปัตย์มาอย่างยาวนาน ฉะนั้นการคิด จะพูดจาหรือจะทำอะไร ก็ต้องคิดเพราะชีวิตผมอยู่ที่นี่ ดังนั้นวันที่ตัดสินใจจะเข้าพรรคประชาธิปัตย์ วันนั้นเราถือว่าพรรคประชาธิปัตย์เป็นพรรคที่มีความคิดเสรีนิยมก้าวหน้า ตั้งแต่ปี 18,19 ในขณะนั้นประชาธิปัตย์โดนกล่าวหาว่าเป็นคอมมิวนิสต์ด้วยซ้ำ กรณีเกตุการณ์ตุลาเกิดขึ้น ผมอยู่ที่นี่มาจนถึงวันหนึ่ง เขาบอกว่าประชาธิปัตย์ไปเป็นอนุรักษ์นิยม ซึ่งผมก็มีความสงสัยว่าเป็นไปได้อย่างไร เพราะ อุดมการณ์ของพรรคไม่ได้เปลี่ยน แต่คนอาจจะเปลี่ยน นี่คือสิ่งที่กำลังคิดให้ตกผลึกว่า อะไรมันเกิดขึ้นในทางการเมือง 50 ปีของผม
  ในส่วนของที่ไม่มีโลโก้พรรคของผมนั้น ขอเรียนว่าเพราะผมไม่ได้มีตำแหน่งใดๆในพรรค ผมมีฐานะเป็นสมาชิกธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น ถ้าผมไปขึ้นเดี๋ยวจะเกิดมีข้อครหาต่างๆ ดังนั้นเมื่อไม่ได้เป็นกรรมการก็ขอใช้ในฐานะคนธรรมดา ซึ่งในส่วนของสรรเพชญ ผมมองว่าเป็นเรื่องส่วนตัว ผมไม่ไปก้าวก่าย เพราะเป็นผู้แทนราษฎร จึงมีอิสระในความคิดการทำ บางสิ่งบางอย่างที่ทำก็ถือว่าน้องเขาคิดอย่างนั้น เพราะน้องเป็นคนรุ่นใหม่จะคิดหรือจะทำอะไรก็เป็นเรื่องส่วนตัวของเขา
    วันนี้เราต้องพูดถึงเรื่องจุดยืน เรื่องของเสรีนิยม กับอนุรักษ์นิยมต้องให้ตกผลึก อุดมการณ์ 10 ข้อของประชาธิปัตย์ ไม่ว่าเรื่องกระจายอำนาจ เรื่องของที่ดิน การจัดที่ทำกินให้กับประชาชน หรือที่บอกว่าพรรคจะสู้กับเผด็จการเหล่านี้เป็นจุดยืนของปนะชาธิปัตย์มาร่วม 76 ปีก้าวสู่ปีที่ 77แล้ว จุดยืนเหล่านี้จึงต้องมาทบทวนว่ามีการเปลี่ยนแปลงหรือไม่ จุดยืนเหล่านี้ของพรรคประชาธิปัตย์ไม่เปลี่บนแต่คนเปลี่ยน ก็จะได้รู้ว่าคนมันเปลี่ยนไป 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น