ผู้สื่อข่าว ได้รับการรายงานข่าว ความเคลื่อนไหวของ ขบวนการค้าน้ำมันเถื่อน ในฝั่งทะเลอ่าวไทยด้าน จ.นครศนีธรรมราช และ สุราษฎร์ธานี ว่า กลุ่มนายทุน ผู้ค้าน้ำมันเถื่อน ซึ่ง อิงแอบ กับ นักการเมืองท้องถิ่น และ นักการเมืองระดับชาติ ไม่ได้ สนใจคำสั่งของ พล.ต.อ.กิตต์รัฐ พันธุ์เพ็ชร รักษาการ ผบ.ตร. ที่ ห้ามมีการทำผิดกฎหมาย ทั้งบ่อนการพนัน และการค้าน้ำมันเถื่อน ซึ่งหลังจากที่ มีคำสั่ง ปรากฏว่า บ่อนการพนัน ในภาคใต้ หยุดกิจการชั่วคราว ยกเว้นบ่อนออนไลน์ ที่ยังดำเนินการอยู่แบบ ลับๆ แต่ในส่วนของ นายทุนผู้ค้าน้ำมันเถื่อน ในอ่าวไทย และ ชายแดนมาเลเซีย ไม่ได้เกรงกลัวคำสั่งของ รักษาการ ผบ.ตร.แต่อย่างใด ยังคงมีการ ลักลอบ นำน้ำมันเถื่อนจากทะเลขึ้นบก ส่งขายให้กับ กลุ่มทุน อย่างเป็นล่ำเป็นสัน
โดย แหล่งข่าวแจ้งให้ทราบว่า ล่าสุดเมื่อคืนวันที่ 17 เม.ย. พบว่า กลุ่มนายทุนใหญ่ใน จ.นครศรีธรรมราชของ “เอก 3 เค” ได้นำเรือเหล็ก ที่เป็นเรือแท็งค์เกอร์ บรรทุกน้ำมันเถื่อนจาก กลางทะเลอ่าวไทย มาขึ้นฝั่งที่ท่าเรือ หัวแหลม บ้านท่าขึ้นสูง หมู่ 4 ต.ท่าศาลา อ.ท่าศาลา หน้าบ้านของผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่ และมีรถพ่วง 22 ล้อ ซึ่งสามารถบรรทุกน้ำมันได้คันละ 40,000 ลิตร มารอรับน้ำมัน ส่งให้กับปั๊มน้ำมัน และ โรงงานอุตสาหกรรม ที่ต้องการใช้น้ำมันเถื่อน เนื่องจากมีราคาถูกกว่า โดยมีการส่งขายในราคาลิตรละ 26 บาท ในขณะที่ราคาหน้าปั๊มลิตรละ 30 – 31 บาท ( ดีเซล )ซึ่งราคาอยู่ที่ระยะทางขนส่ง
โดย กลุ่มของ “เอก 3 เค” ที่อยู่ในกลุ่มของ “นายก เอ “ นายหัวรงค์” แห่ง อ.จุฬาภรณ์ จ.นครศรีธรรมราช เป็นผู้ร่วมค้า และรับผิดชอบในการ บรรทุกน้ำมันเถื่อนส่งให้กับลูกค้าทั่วไป และกลุ่มของผู้ค้าน้ำมันเถื่อนกลุ่มนี้ มีการนำน้ำมันเถื่อนขึ้นฝังคืนละไม่ต่ำกว่า 10 คันรถบรรทุกพ่วง และมีการดำเนินการตั้งแต่เดือน มีนาคม เป็นต้นมา โดยที่ไม่มีการตรวจสอบ จับกุมจากเจ้าหน้าที่
สายข่าว ในพื้นที่ได้ส่งหลักฐาน ในการ โทรศัพท์ แจ้งเบาะแสการค้าน้ำมันเถื่อน ให้กับ ศรชล ของ กองเรือภาคที่ 2 และ แจ้งให้กับ กองทัพภาคที่ 4 และ กอ.รมน.ภาค 4 แจ้งให้กบ ศุลกากร และ สรรพสามิต ในพื้นที่ เพื่อให้เข้าไป ตรวจสอบ และจับกุม โดยมีการแจ้งพิกัดให้ได้ ซึ่งมีเจ้าหน้าที่รับแจ้งตามปกติ แต่มามีการส่งเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบ และจับกุม แต่อย่างใด
นอกจากจุดน้ำมันเถื่อน ที่ถูกนำจากอ่าวไทยมาขึ้นฝั่งที่ อ.ท่าศาลแล้ว ยังมีการนำขึ้นฝั่งที่ อ.ขนอม จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นของ กลุ่มทุนการเมืองท้องถิ่น มี”โกชัย” เป็นผู้ ดำเนินการ จุดขนถ่ายที่ตั้งไม่ไกลจากที่ตั้งของ ตำรวจน้ำ เช่นเดียวกับจุดขนถ่ายที่ปากน้ำตาปี จ.สุราษฎร์ธานี ที่ท่าเรือท่าทอง ไม่ไกลจากที่ทำการศุลกากร ที่เป็น “ เสี่ยเอก ลูกชายของ เสี่ย ส. ที่เป็น เจ้าประจำ ในการค้าน้ำมันเถื่อน ให้กับ เรือประมง ในพื้นที่ โดยไม่เคยถูก หน่วยงานไหน เข้าทำการจับกุมแต่อย่างใด นอกจำนั้นยังมีการนำน้ำมันกลางอ่าวไทย ขึ้นที่ท่าเรือ อ.ดอนสัก จ.สุราษฎร์ธานี ซึ่เป็นกลุ่มของนักการเมืองท้องถิ่น ที่มีการนักการเมืองระดับชาติให้การหนุนหลัง
ที่สำคัญ มีปั๊มน้ำมันบางปั๊ม ที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ อ.จุฬาภรณ์ จ.นครศรีธรรมราช ที่ขายน้ำมันถูกกว่าปั๊มอื่นๆ ถึงลิตรละ 3 บาท ทั้ง ดีเซล และ เบนซิน โดยมี ผู้หวังดี แจ้งทางโทรศัพท์ ให้เจ้าหน้าที่ ซึ่งเกี่ยวข้อง ทั้ง ตำรวจ ปนม. พาณิชย์จังหวัด พลังงานจังหวัด ทำการตรวจสอบว่า เป็นการนำน้ำมันเถื่อน มาขายให้กับประชาชนหรือไม่ แต่เจ้าหน้าที่กล่าวว่า ถ้าไม่มีการแจ้งความเอาผิด ไม่กล้าไปตรวจสอบ เพราะอาจจะโดยกล่าวหาว่าเป็นการ กลั่นแกล้ง
แหล่งข่าว ได้กล่าวกับ ผู้สื่อข่าวว่า ต้องการที่จะลงข่าว เพื่อให้ไปถึง พล.ต.อ.กิตต์รัฐ พันธุ์เพ็ชร รักษาการ ผบ.ตร. ได้ทราบว่า นายบ่อน กลัวการเอาจริงจากคำสั่งของ รักษาการ ผบ.ตร. แต่ ขบวนการน้ำมันเถื่อนในภาคใต้ไม่มีใครกลัว เพราะยังมีการค้าอย่างเป็นขบวนการ ทำให้เชื่อว่า มีการ จ่ายส่วย ให้กับ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และมี นักการเมือง เป็นแบ็คอัพอยู่เบื้องหลัง จึงทำให้ กลุ่มขบวนการนี้ไม่กลัวกฎหมาย แต่อย่างใด
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น