วันพุธที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2567

สภาองค์กรของผู้บริโภค หอบข้อมูลแจง คณะกรรมมาธิการการเงิน การคลังฯ สภาผู้แทน กรณีบริษัทเงินกู้เอาเปรียบประชาชน 7 ก.พ.นัดเจรจาหาทางออก

       วันนี้ (31 ม.ค.67) ที่ห้องประชุมกรรมาธิการ CB 407 อาคารรัฐสภา คณะกรรมาธิการการเงิน การคลัง สถาบันการเงินและตลาดการเงิน สภาผู้แทนราษฏร มีการประชุมครั้งที่ 14 ในวาระเรื่องร้องเรียนขอให้ตรวจสอบและบทลงโทษบริษัทในเครือ SAWAD ในกรณีที่มีการใช้ใบเสร็จ/ใบกำกับภาษีมีพิรุธ การคิดดอกเบี้ยเกินกว่ากฏหมายกำหนด การปลอมแปลงเอกสารสิทธิและการใช้เอกสารสิทธิปลอม (สัญญาเงินกู้ ตั๋วสัญญาใช้เงิน) โดยการลงรายชื่อในกระดาษฟอร์มเปล่าและกระดาษเปล่า เพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจสอบจากหน่วยงานกำกับดูแล โดยเชิญผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาให้ข้อมูลกับคณะกรรมาธิการ ดังนี้
- อธิบดีกรมสรรพากร
- ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย
- เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์
- เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย
- เลขาธิการสำนักงานสภาองค์กรของผู้บริโภค
- ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)
- นางสาววิไลลักษณ์ ลุผล และว่าที่ร้อยเอกธรรมนัฐ แก้วบุญส่ง (ผู้ร้องเรียน)
      โดยผลการพิจารณาเรื่องร้องเรียนของคณะกรรมาธิการการเงิน การคลัง สถาบันการเงินและตลาดการเงิน สภาผู้แทนราษฏรที่มีนายณัฐพงษ์ สุปริยศิลป์ นั่งเก้าอี้ประธานกรรมาธิการ โดยบทสรุปกับกรณีดังกล่าว  ทางคณะกรรมการฯ ก็ได้รับฟังข้อมูล จากสองฝ่ายทั้งฝ่ายร้องเรียนและถูกร้องเรียน เพื่อหาข้อสรุป และหาแนวทางในการทำงานเชิงรุก เพื่อประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด  ในการที่จะควบคุมกำกับผู้ประกอบการดังกล่าวมิให้เอาเปรียบผู้บริโภคประชาชนที่มาใช้บริการด้านกู้เงินอีก
นายภัทรกร ทีปบุญรัตน์ เจ้าหน้าที่ฝ่ายคุ้มครอง และพิทักษ์สิทธิ หัวหน้าสายด่วนผู้บริโภค 1502 สภาองค์กรของผู้บริโภค  กล่าวว่า วันนี้สภาองค์กรของผู้บริโภค มาทำหน้าที่นำเสนอข้อมูลจากผู้ร้องเรียนกว่า 80 ราย ไม่ว่าเรื่องการไม่ส่งมอบสัญญา การเก็บดอกเบี้ยสูงเกินความเป็นจริง หรือการบังค้บการทำประกัน ต่างๆ เหล่านี้ซึ่งก็เป็นความจริงตามที่ผู้ร้องเรียนมา และก็เป็นสิ่งที่ผิดกฎหมาย และ วันนี้ทางฝ่ายที่ถูกร้องเรียนก็ยังไม่มีความชัดเจนในการชี้แจงใดๆ 
โดยในวันที่ 7 กุมภาพันธ์ เราได้ทำหนังสือเชิญผู้ประกอบการและผู้ร้องเรียนที่ยังมีคดีความค้างคา มาพูดคุยเจรจาเพื่อลดขั้นตอนในชั้นศาล หรือหาทางออก ไม่ว่าจะเรื่องของดอกเบี้ยที่ไม่ยุติธรรม ซึ่งทางผู้ประกอบการพร้อมให้การช่วยเหลือผู้บริโภค
//สมยศ สนามเป้า รายงาน//

รมว. พิพัฒน์ ไม่ทอดทิ้งกลุ่มเปราะบาง โชว์ผลจ้างงานคนพิการ ปี 67 นายจ้างให้สิทธิคนพิการ ม.35 สร้างรายได้ผู้พิการกว่า 493 ล้านบาท

         กระทรวงแรงงานจับมือสถานประกอบการเอกชน ส่งเสริมโครงการจ้างงานคนพิการเชิงสังคมต่อเนื่อง ปี 67 สร้างงานคนพิการแล้ว 4,119 คน ก่อรายได้กว่า 493,126,680 บาท เป้าหมายต่อไปผลักดันผู้พิการมีงานประจำ มีรายได้มั่นคง ยกระดับคุณภาพชีวิตอย่างยั่งยืน

นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า กระทรวงแรงงานขานรับนโยบายรัฐบาล ภายใต้การนำของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ที่ให้ความสำคัญกับความเท่าเทียมของคนทุกกลุ่ม โดยจะดูแลให้มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี มีงาน มีรายได้ ยกระดับคุณภาพชีวิตที่ดีกว่าเดิมด้วยสวัสดิการโดยรัฐ  โดยในปีงบประมาณ 2567 กระทรวงแรงงาน ได้เชิญชวนสถานประกอบการภาคเอกชน เข้าร่วมโครงการส่งเสริมการจ้างงานคนพิการเชิงสังคม ประเภทจ้างเหมาบริการ ซึ่งมีสถานประกอบการ จำนวน 480 แห่ง ตอบรับและดำเนินการให้สิทธิแก่คนพิการหรือผู้ดูแลคนพิการตามมาตรา 35 ทั้งสิ้น จำนวน 4,119 คน จะก่อให้เกิดรายได้แก่คนพิการเป็นเงินจำนวน 493,126,680 บาทต่อปี โครงการดังกล่าวฯ นับเป็นอีกก้าวของการส่งเสริมการจ้างงานคนพิการเชิงสังคมที่ได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากทุกภาคส่วน โดยเฉพาะนายจ้าง/สถานประกอบการที่ให้สิทธิคนพิการเพิ่มขึ้นทุกปี เป้าหมายต่อจากนี้กระทรวงแรงงานผลักดันให้ผู้ประกอบการจ้างงานคนพิการตามมาตรา 33 หรืองานประจำในกลุ่มที่สามารถทำงานได้ รวมทั้งส่งเสริมกลุ่มที่สามารถเพิ่มทักษะและกลุ่มที่ต้องการประกอบอาชีพอิสระ ขับเคลื่อนสู่เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) พัฒนาคุณภาพชีวิตผู้พิการอย่างมั่นคงยิ่งขึ้น

“ปัจจุบันคนในสังคมมีทัศนคติเชิงบวกและเห็นคุณค่ากลุ่มคนพิการมากขึ้น การส่งเสริมให้มีงานทำ ไม่เพียงช่วยเสริมสร้างความรู้ ความสามารถ และความชำนาญของผู้พิการเท่านั้น แต่ยังสร้างโอกาสให้มีรายได้ ส่งเสริมความเสมอภาค และยังเป็นส่วนหนึ่งในสังคมอย่างเท่าเทียมอีกด้วย” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าว
      ด้านนายสมชาย มรกตศรีวรรณ อธิบดีกรมการจัดหางาน กล่าวว่า กรมการจัดหางานขอขอบคุณความร่วมมือของสถานประกอบการภาคเอกชน จำนวน 480 แห่ง อาทิ บริษัท แคล-คอมพ์ อีเล็คโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) และธนาคารออมสิน ที่ได้ให้สิทธิคนพิการฯ ตามโครงการส่งเสริมจ้างงานคนพิการเชิงสังคมในปีนี้ สำหรับโครงการส่งเสริมการจ้างงานคนพิการเชิงสังคม ประเภทจ้างเหมาบริการ เกิดขึ้นได้จากความร่วมมือ 3 ฝ่าย คือ นายจ้างสถานประกอบการ/
ภาครัฐ ภาคเอกชน/หน่วยบริการสาธารณะและผู้พิการหรือผู้ดูแลคนพิการ โดยกรมการจัดหางาน
เชิญชวนนายจ้าง สถานประกอบการที่ส่งเงินเข้ากองทุนส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการตามมาตรา 34 ให้ดำเนินการให้สิทธิแก่คนพิการหรือผู้ดูแลคนพิการตามมาตรา 35 โดยจ้างงานคนพิการเป็นพนักงานเพื่อปฏิบัติงานสนับสนุนในหน่วยบริการสาธารณประโยชน์ในพื้นที่ชุมชนใกล้บ้าน เช่น โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล โรงเรียน/ศูนย์เด็กเล็ก ศูนย์ฟื้นฟูอาชีพคนพิการ ศูนย์บริการ
คนพิการของเทศบาลและองค์การบริหารส่วนตำบล ซึ่งช่วยให้คนพิการในพื้นที่ห่างไกล สามารถทำงานใกล้บ้าน ได้รับโอกาสมีอาชีพ มีงานทำอย่างทั่วถึง

ทั้งนี้ สถานประกอบการที่มีความประสงค์จะเข้าร่วมโครงการฯ และผู้พิการที่ต้องการใช้สิทธิตามมาตรา 35 สามารถติดต่อสอบถามได้ที่สำนักงานจัดหางานจังหวัดทุกจังหวัด สำนักงานจัดหางานกรุงเทพมหานครพื้นที่ 1 - 10 หรือลงทะเบียนใช้สิทธิผ่านระบบ e - Service กรมการจัดหางาน
หากต้องการสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อได้ที่ สายด่วนกระทรวงแรงงาน 1506 กด 2 กรมการจัดหางาน หรือสายด่วนกรมการจัดหางาน โทร 1694 

พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เดินทางเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีนอย่างเป็นทางการ เยี่ยมชมศูนย์ข่าวกรองและตรวจพิสูจน์ยาเสพติด

ประสานงานด้านการสืบสวนและแลกเปลี่ยนข้อมูลทางการข่าวเกี่ยวกับเครือข่ายการค้ายาเสพติด สารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์
(31 มกราคม 2567) ผู้สื่อข่าวรายงานจากกรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน ว่า ในเวลา 10.00 น. ที่ผ่านมา (ตามเวลาท้องถิ่น) พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พร้อมพล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (เลขาธิการ ป.ป.ส.) และคณะผู้บริหารสำนักงาน ป.ป.ส. และผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เดินทางเยี่ยมชม ศูนย์ข่าวกรองและตรวจพิสูจน์ยาเสพติด (Drug Intelligence & Forensic Center : DIFC) และ สถาบันวิจัยการติดยาเสพติด The National Narcotics Laboratory (NNL) มีวัตถุประสงค์เพื่อมุ่งเน้นการวิจัยข้อมูลทางวิชาการเกี่ยวกับปัจจัยการติดยาเสพติด การนำผลของสารเคมีภัณฑ์ไปจัดระเบียบสารเสพติด เช่น สารกำเนิดใหม่ การศึกษาค้นคว้าเปรียบเทียบผล หรือพฤติกรรมของยาเสพติดต่อร่างกายของสัตว์ที่เป็นตัวอย่างทดลอง อาทิ หนูขาว ฯลฯ รวมทั้งการตรวจหา วิเคราะห์ และประเมินสารเคมี การควบคุมสารเคมีเพื่อปรับโทษตามกฎหมายให้เหมาะสม ทั้งการแยกประเภทและปริมาณ นอกจากนี้ ยังมีการศึกษา ค้นคว้าวิจัยสาขาพฤติกรรมศาสตร์ ในหัวข้อการติดสารเสพติด-ยาเสพติด ว่าจะต้องใช้ในปริมาณเท่าใดถึงจะมีพฤติกรรมเสพติด เป็นต้น
สำหรับการศึกษา วิเคราะห์ ยาเสพติดและสารเสพติดที่ทางการจับได้จะมีการตรวจเส้นผม รวมทั้งการนำน้ำเสียในชุมชน มาตรวจยาเสพติดและสารเสพติด อาทิ การตรวจน้ำเสียจากโรงงานเพื่อตรวจหาหลักฐานยาเสพติดก่อนเข้าจับกุมด้วย
     ทั้งนี้ พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ได้มอบโล่ที่ระลึก ตราสัญลักษณ์ของ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) ให้กับศูนย์ข่าวกรองและตรวจพิสูจน์ยาเสพติด สาธารณรัฐประชาชนจีน ด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ในช่วงค่ำวันนี้ พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม มีกำหนดการหารือข้อราชการกับ นายหวัง เสี่ยวหง มนตรีแห่งรัฐ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงความมั่นคงสาธารณะ สาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งจะได้มีการประสานงานด้านการสืบสวนและแลกเปลี่ยนข้อมูลทางการข่าวเกี่ยวกับเครือข่ายการค้ายาเสพติด รวมทั้งข้อมูลเครือข่ายการค้า สารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ เพื่อประสานความร่วมมือระหว่างประเทศในการสกัดกั้นการลำเลียงยาเสพติด สารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ในภูมิภาคเข้าไปในพื้นที่ผลิตยาเสพติดอย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งการหยิบยกประเด็นการควบคุมสารตั้งต้นในการผลิตยาเสพติด มิให้เข้าสู่แหล่งผลิตยาเสพติดในพื้นที่ชายแดนของประเทศไทย ด้วย
      ทั้งนี้ พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม มีกำหนดการเดินทางเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีนอย่างเป็นทางการ ระหว่าง วันพุธที่ 31 มกราคม - 2 กุมภาพันธ์ 2567 ณ กรุงปักกิ่ง และนครคุนหมิง มณฑลยูนนาน สาธารณรัฐประชาชนจีน เพื่อกระชับความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ประเทศ ในการแก้ไขปัญหายาเสพติด ซึ่งถือเป็นการเดินทางเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีนครั้งแรก นับตั้งแต่ดำรงตำแหน่ง 

“หมอเชิดชัย” เปิดงานประชุมวิชาการเครือข่ายหัวใจ ครั้งที่ 15 : บูรณาการ ประสานพลัง สร้างนวัตกรรมใหม่ หัวใจไร้กังวล

    เมื่อวันที่ 31 ม.ค.67 ที่ห้องประชุมโรงแรมรีเจ้นท์ชะอำ จ.เพชรบุรี รศ.นพ.เชิดชัย ตันติศิรินทร์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานเปิดงานประชุมวิชาการเครือข่ายหัวใจ ครั้งที่ 15 “CNF 15th Cardiac Network Forum 2024 : บูรณาการ ประสานพลัง สร้างนวัตกรรมใหม่ หัวใจไร้กังวล” 
      จัดโดย สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข ร่วมกับสำนักงานเขตสุขภาพที่ 5 โดยโรงพยาบาลหัวหิน สมาคมแพทย์โรคหัวใจแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ สมาคมมัณฑนากรหัวใจและหลอดเลือดแห่งประเทศไทย สมาคมศัลยแพทย์ทรวงอกแห่งประเทศไทย สมาคมเภสัชกรรมโรงพยาบาล (ประเทศไทย) และสมาคมพยาบาลโรคหัวใจและทรวงอก (ประเทศไทย) ระหว่างวันที่ 30 ม.ค.- 2 ก.พ.67 ที่โรงแรมรีเจ้นท์ชะอำ มี นพ.กิตติ กรรภิรมย์ สาธารณสุขนิเทศก์ และผู้อำนวยการสำนักเขตสุขภาพที่ 5, นพ.วรา เศลวัตนะกุล นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดประจวบฯ, นพ.จิตตรัตน์ เตชวุฒิพร ผอ.รพ.หัวหิน พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กระทรวงสาธารณสุข บุคลากรทางการแพทย์ พยาบาล เภสัช นักกายภาพบำบัด นักเทคโนโลยีหัวใจและทรวงอก สาธารณสุขนิเทศก์ จากโรงพยาบาลต่างๆ รวม 13 เขต กว่า 700 คน เข้าร่วมการประชุม จัดขึ้นเพื่อเป็นเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ในการเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการพัฒนาระบบบริการสุขภาพ การนำองค์ความรู้ใหม่ นวัดกรรม รูปแบบการดำเนินงานที่ดี รวมถึงเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ทันสมัยไปประยุกต์ให้เกิดประโยชน์ต่อการปฏิบัติงาน สร้างความสามัคคีของผู้ปฏิบัติงานในสาขาโรคหัวใจและหลอดเลือดทุกภาคส่วน พร้อมทั้งการนำเสนอรูปแบบการบริการที่เป็นเลิศเข้าถึงผู้รับบริการ    
          รศ.นพ.เชิดชัย ตันติศิรินทร์ กล่าวว่า การจัดงานในครั้งนี้ได้นำเอาทีมเวิร์คต่างๆจากทั่วประเทศ ที่มีประสบการณ์ทางการทำงานมาถ่ายทอดประสบการณ์ให้ผู้เข้าร่วมงานได้รับทราบ พร้อมได้เชิญผู้เชี่ยวชาญจากส่วนกลางและมหาวิทยาลัยมาเป็นวิทยากรให้ความรู้แก่ผู้เข้ารับการอบรม เพื่อฝึกสอนและให้ความรู้พร้อมทั้งอัพเดตให้ทันสมัยด้านโรคหัวใจยิ่งขึ้น โรคหัวใจเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับต้นๆ และที่ 1 ของโลก หากรักษาได้อย่างทันท่วงทีก็สามารถรอดชีวิตได้ โดยเฉพาะโรคที่เกี่ยวกับกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด ฉะนั้นโรคหัวใจต้องการเครื่องมือที่ทันสมัย  เทคโนโลยีที่ก้าวหน้าเพื่อให้การวินิจฉัยแม่นยำขึ้น จึงจำเป็นต้องมีบุคลากรทางการแพทย์ที่มีความรู้ ความชำนาญทางด้านโรคหัวใจและทำงานเป็นทีมเวิร์ค ปัจจุบันคนไทยป่วยเป็นโรคหัวใจเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะที่เจอบ่อยอาการหัวใจขาดเลือด กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ และโรคอื่นๆที่มีผลต่อโรคหัวใจ เนื่องจากคนไทยปรับเปลี่ยนพฤติการณ์ การทานอาหารแบบชาติตะวันตกมากขึ้น ทำให้มีความเสี่ยงเป็นโรคหัวใจเพิ่มขึ้น. 

ตำรวจทางหลวงกาญจนบุรีรวบหนุ่มขับรถบรรทุกมันใช้ใบชั่งน้ำหนักปลอมตบตาเจ้าหน้าที่สุดท้ายไม่รอด

   ภายใต้การอำนวยการสั่งการของพล.ต.ต.คงกฤช เลิศสิทธิกุล ผบก.ทล.พ.ต.อ.ภคพล สุชล ผกก.2 บก.ทล.พ.ต.ท.นโรตม์ ยุวบูรณ์ รอง ผกก.2 บก.ทล.พ.ต.ท.กฤตย์ ธีรเวศย์สุวรรณ รอง ผกก.2 บก.ทล.พ.ต.ต.โจ เสาร์ประโคน สว.ส.ทล.6 กก.2 บก.ทล.ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ ส.ทล.6 กก.2 บก.ทล. โดยมี ร.ต.อ.อำนาจ สีนวล ร.ต.อ.พงษ์เชษฐ์ นุ่มมาก รอง สว.ส.ทล.6 กก.2 บก.ทล. ร.ต.ต. ชรินทร์ อ้นมั่น ร.ต.ต. สมบูรณ์ คิดอยู่รอง สว.(ป.) ส.ทล.6 กก.2 บก.ทล. ด.ต.สายชล เชื้อทองผบ.หมู่ ส.ทล.6 กก.2 บก.ทล. ได้ร่วมกันจับกุมนายจักรกฤษณ์ กลิ่นศรีสุข อายุ 26 ปี ที่อยู่ 119 หมู่ 11 ต.หัวทะเล อ.บำเหน็จณรงค์ จ.ชัยภูมิ
   โดยกล่าวหาว่า 1. ใช้ยานพาหนะน้ำหนักลงเพลาเกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนด” (พ.ร.บ.ทางหลวง  ม.61 , ม.73/2 และประกาศของผู้อำนวยการทางหลวงแผ่นดิน) ตามใบชั่งเลขที่ 000295,000296 ลงวันที่ 30/1/2567 เวลา 18.18 น. หมายเลขทะเบียน 90-2801 นครปฐม(ตัวแม่) หมายเลขทะเบียน 90-2802 นครปฐม (ตัวลูก) น้ำหนักรวม 68,410 กก. ซึ่งเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด ไว้ว่ารถบรรทุกพ่วง ชนิด 6 เพลา 12 ล้อ ยาง 22 เส้น ต้องมีน้ำหนักไม่เกิน 50,500 กิโลกรัม ซึ่งคันที่ผู้ต้องหาขับขี่มีน้ำหนักเกินมา จำนวน 17,910 กิโลกรัม (บรรทุกหัวมันสด) ของกลาง ประกอบด้วยรถบรรทุกส่วนบุคคล ยี่ห้อ อีซูซุ หมายเลขทะเบียน 90-2801 นครปฐม  ใบชั่งน้ำหนักจาก ลานมันชัยยภักดิ์ พืชผล ด่านมะขามเตี้ย จ.กาญจนบุรี
      สืบเนื่องจากช่วง เวลาประมาณ 18.00 น.วันที่ 30 ม.ค.2567 ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงหน่วยบริการโทรโยค รถวิทยุคันหมายเลข 2624 ได้ออกตรวจมาถึงบริเวณทางหลวงหมายเลข 3209 กิโลเมตร ที่ 52 ต.ด่านมะขามเตี้ย อ.ด่านมะขามเตี้ย จ.กาญจนบุรี ได้พบ รถบรรทุกพ่วง ยี่ห้อ อีซูซุ สีน้ำเงิน ตัวแม่หมายเลขทะเบียน 90-2801 นครปฐม ตัวลูกหมายเลขทะเบียน 90-2802 นครปฐม ลักษณะต้องสงสัยมีการบรรทุกสิ่งของที่มีน้ำหนักจำนวนมาก จึงได้แสดงตัวเป็นเจ้าพนักงานตำรวจทางหลวง ให้สัญญาณหยุดรถเพื่อขอตรวจสอบ จากการตรวจสอบทราบว่าผู้ขับขี่ชื่อนายจักรกฤษณ์ กลิ่นศรีสุข (ทราบชื่อ-สกุลภายหลัง) ตรวจสอบภายในรถและผู้ขับขี่ ตรวจค้นไม่พบสิ่งของผิดกฎหมาย
         จึงได้นำรถบรรทุกคันดังกล่าวไปชั่งเพื่อตรวจสอบน้ำหนักที่แท้จริงเพื่อยืนยันอีกครั้ง ที่ด่านมะขามเตี้ย จ.กาญจนบุรี ผลปรากฏ ว่ามีน้ำหนัก รวม 68,410 กิโลกรัม ซึ่งเกินที่กฎหมายกำหนด 17,910 กิโลกรัม ซึ่งเกินกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้ว่ารถบรรทุกชนิดพ่วง จำนวน 6 เพลา 12 ล้อ ยาง 22 เส้นต้องมีน้ำหนักไม่เกิน 50,500 กิโลกรัมเจ้าหน้าที่
จากการสอบถามนายจักรกฤษณ์ ผู้ต้องหาแจ้งว่าตนรับจ้างขับรถบรรทุกสินค้าประเภทมันสำปะหลังสดมาจากลานมันห้วยน้ำขาว จ.กาญจนบุรี เพื่อนำไปส่งที่ ลานมันแปลงยาว จ.ฉะเชิงเทรา เจ้าหน้าที่จึงได้แจ้งข้อกล่าวหาให้ทราบว่าการกระทำความผิดฐาน “ใช้ยานพาหนะที่มีน้ำหนักบรรทุกเกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนดมาใช้บนทางหลวง (พรบ.ทางหลวง ม.61 ม.73/2 และประกาศของผู้อำนวยการทางหลวงแผ่นดินลงวันที่ 22 ธ.ค.2548 เรื่องห้ามใช้ยานพาหนะที่มีน้ำหนัก น้ำหนักบรรทุก หรือน้ำหนักลงเพลาเกินกว่าที่ได้กำหนดฯ)”จะต้องถูกจับกุมดำเนินคดีตามกฎหมาย จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้จับกุมตัว นายจักรกฤษณ์ฯ (ผู้ต้องหา) พร้อมตรวจยึดรถบรรทุกส่วนบุคคลและสิ่งของที่บรรทุกไว้ (มันสด) เป็นของกลางส่งพนักงานสอบสวน สภ.ด่านมะขามเตี้ยเพื่อดำเดินคดีตามกฎหมายต่อไป
ซึ่งการจับกุมเป็นไปตามนโยบายของผู้บังคับบัญชาที่ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงชุดจับกุมออกกวดขันปราบปรามรถบรรทุกน้ำหนักเกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนดบนทางหลวงแผ่นดิน  ทำทุกอย่างด้วยสำนึก เพราะเราคือ “ตำรวจทางหลวง”  (กาญจนบุรี-สุพรรณบุรี)

ฝ่ายปกครองสงขลาลุยปราบยาเสพติดตามนโยบาย ผวจ.ยึดได้ทั้งยาบ้า และ น้ำกระท่อมเพียบ

  เมื่อวันที่ 30 มกราคม 2567 เวลา 18.00 น. ภายใต้การอำนวยการของนายสุรัตน์ ลายจันทร์ นายอำเภอเมืองสงขลา  นางภัตติมา รุ่งพัฒนพันธ์ ปลัดอำเภอหัวหน้ากลุ่มงานบริหารงานปกครอง มอบหมายให้ นายธนาวิทย์ จันทสุวรรณ์ ปลัดอำเภอหัวหน้าฝ่ายความมั่นคง นายจิระพจน์ ราชสีห์ ปลัดอำเภองานป้องกัน และนายธนกฤต อินทสโร ปลัดอำเภอฝ่ายความมั่นคง พร้อมด้วยสมาชิกกองอาสารักษาดินแดนอำเภอเมืองสงขลา ที่ 2 นำกำลังเข้า จับกุมขายน้ำกระท่อมจำนวน2 ราย  1 .พื้นที่ ม.3 ต.เขารูปช้าง  อ.เมืองสงขลา จ.สงขลา พบน้ำต้มพืชกระท่อมบรรจุขวดพลาสติกใส  จำนวน  44 ขวด  2 . พื้นที่หมู่ที่8 ตำบลพะวงอำเภอเมืองจังหวัดสงขลาของกลางน้ำกระท่อมจำนวน 73 ขวดยาแก้ไอจำนวน 55 ขวด เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้ยึดของกลางไว้และแจ้งข้อกล่าวหา ฐานความผิด และนำส่งสถานีตำรวจภูธรเพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
     ส่วนที่ จะนะ เมื่อวันที่ 29 มกราคม 2567 เวลา 00.30 น. นายสมนึก  พรหมเขียว ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา ได้รับรายงานจากนายกองตรี กฤชณัทท พลรัตน์ ผบ.ร้อย อส.อ.จะนะที่ 9 ว่าจากการมอบหมายให้นายหมวดเอกนิพนธ์ ชิตมณี รอง.ผบ.ร้อย อส.อ.จะนะที่ 9, ส.ต.ท.ไพโรจน์  ตาแก้ว ปลัดอำเภอหัวหน้ากลุ่มงานความมั่นคง/ผช.ผบ.ร้อย อส.อ.จะนะที่ 9/หัวหน้าด่านตรวจถาวรบ้านควนมีด พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่สมาชิกกองอาสารักษาดินแดนอำเภอจะนะที่ 9, สถานีตำรวจภูธรจะนะ, สถานีตำรวจภูธรควนมีด และเจ้าหน้าที่ตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.บส.) ได้ร่วมกันตรวจค้นรถกระบะหมายเลขทะเบียน บท 7271 นาราธิวาส จนสามารถจับกุมผู้ต้องหา จำนวน 1 ราย พร้อมของกลาง ยาบ้า จำนวน 1,620,000เม็ด เจ้าหน้าที่ได้ดำเนินการส่งพนักงานสอบสวนตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) เพื่อดำเนินคดีต่อไป รายละเอียดเพิ่มเติมจักรายงานให้ทราบอีกครั้ง

พิษณุโลก แต่งตั้งวัดหนองทับเรือ ต.ชมพู อ.เนินมะปราง ให้"หลวงปู่ลี ถาวโร”เป็นเจ้าอาวาสองค์ปฐมฤกษ์ ขณะที่ประเพณี”หว่านลูกมะกรูด”วัดสามเรือน หนึ่งเดียวในไทย อาจไม่ใช่งานท้องถิ่นอีกต่อไป คณะกรรมมาธิการศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม สภาผู้แทนฯ ลงดูงาน พร้อม ส.ส.เพื่อไทยเขต 4 ร่วมงาน

         วันนี้ 31 มกราคม 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายบุญเหลือ บารมี รองผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก อ่านประกาศจากสำนักพุทธศาสนาแห่งชาติ แต่งตั้งวัดในพระพุทธศาสนา จากสำนักสงฆ์เป็นวัด คือ วัดหนองทับเรือ ต.ชมพู อ.เนินมะปราง ให้ หลวงปู่ลี ถาวโร เจ้าอาวาสองค์ปฐมฤกษ์ อายุ 94 ปี โดยมีนางสาวพิมพ์พิชชา ชัยศุภกิจเจริญ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เขต 4 พรรคเพื่อไทย และคณะกรรมมาธิการศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม สภาผู้แทนราษฎร ร่วมงานในพิธีพร้อมประชาชนร่วมแสดงความยินดีและกราบ หลวงปู่ลี ถาวโร เจ้าอาวาส วัดหนองทับเรือ ต.ชมพู อ.เนินมะปราง 
    ทั้งนี้เมื่อ 29 ม.ค.67 ที่ผ่านมา นางสาวพิมพ์พิชชา ชัยศุภกิจเจริญ ส.ส.เขต 4 พรรคเพื่อไทย และคณะกรรมมาธิการศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม สภาผู้แทนราษฎร ได้ตรวจงานติดตามปัญหา วัดห้วยแก้ว ที่ถูกเพลิงไหม้ศาลาการเปรียญไม้สักวอดทั้งช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา อ.บางกระ ทุ่ม จ.พิษณุโลก และยังร่วมหว่านลูกมะกรูด ซึ่งเป็นประเพณีสืบทอดประจำทุกปี ทุกวันที่ 29 ม.ค. ณ.วัดสามเรือน ต.นครป่าหมาก อ.บางกระ ทุ่ม โดยมีประชาชนนับร้อยร่วมงานคึกคัก ถือว่าเป็นปี แรกที่คณะกรรมมาธิการศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม สภาผู้แทนราษฎรมาได้มาศึกษาและดูงานประเพณีหว่านลูกมะกรูด ของ วัดสามเรือน สืบทอดตามเจตนารมณ์ของหลวงพ่อหรั่ง เจ้าอาวาสคนเก่า ที่ นำข้าวสาร น้ำมันพืชและสิ่งของต่างๆ จากมีผู้มีจิตศรัทธานำมาบริจาคให้แก่วัด แต่วัดใช้ไม่หมด จึงนำไปออกรางวัล ด้วยการทำฉลาก ซึ่งมีหมายเลขรางวัลใส่ไว้ด้านในลูกมะกรูดก่อน แจกจ่ายลักษณะโยนหว่านแก่ประชาชนผู้ยากไร้ในพื้นที่ หากใครเก็บลูกมะกรูดที่หว่านได้ ก็แกะฉลากที่บรรจุด้านในมะกรูด นำไปแลกของรางวัลสิ่งของต่างจากทางวัด 
       ประเพณีหว่านลูกมะกรูดของวัดสามเรือน จึงถือเป็นประเพณีแห่งเดียวในประเทศไทย พร้อมกับงานสมโภชพระครูรังสีธรรมประโพธ หรือ หลวงพ่อหรั่ง เกจิชื่อดังของจังหวัดพิษณุโลก อดีตเจ้าอาวาสวัดสามเรือนและเจ้าคณะอำเภอบางกระทุ่มที่มรณภาพไปแล้ว  แต่ละปี ประชาชนมานับร้อยนับพัน รอรับการหว่านลูกมะกรูด
    นางสาวพิมพ์พิชชา ชัยศุภกิจเจริญ ส.ส.เขต 4 พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า คณะกรรมมาธิการศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม สภาผู้แทนราษฎร เดินทางมาตรวจงานที่วัดห้วยแก้ว ที่เพลิงเผาศาลาวัดทั้งหลัง และร่วมงานหว่านมะกรูด ซึ่งเป็นเทศกาลประเพณี หนึ่งเดียวของประเทศ มีมากว่า สิบๆ ปี เพื่อหาแนวทางพัฒนาส่งเสริมงานท่องเที่ยวได้ และร่วมงานแต่งตั้งวัดหนองทับเรือ ต.ชมพู อ.เนินมะปราง ตามที่ประกาศสำนักพุทธศาสนาแห่งชาติ แต่งตั้ง วัดหนองทับเรือ โดยให้ หลวงปู่ลี ถาวโร เป็นเจ้าอาวาสคนแรก 
//ป๊อกกองปราบ ภาพ-ข่าว//

นครพนม-รวบหนุ่มวิศวะ ม.ดังคาห้องพัก ฉายเดี่ยวฉกไอโฟนห้างดัง สารภาพติดพนันออนไลน์ โรยตัวจากหลังคาเลียนแบบหนังแนวโจรกรรม

    วันที่ 31 มกราคม 2567 มีความคืบหน้ากรณีคนร้ายงัดห้างสรรพสินค้าดัง เข้าไปงัดขโมยสินค้าเป็นโทรศัพท์มือถือไอโฟน รวมถึงไอแพด หายไปรวม +6 เครื่อง มูลค่าความเสียหายเกือบ 3 แสนบาท เหตุเกิดเมื่อกลางดึกตี 3 คืนวันที่ 30 มกราคม 2567 ที่ผ่านมา หลังเกิดเหตุ พ.ต.อ.ภาคภูมิ เดชะเรืองศิลป์ ผกก.สภ.เมืองนครพนม ระดมทีมสืบสวน กองพิสูจน์หลักฐาน ลงพื้นที่สอบสวนเก็บหลักฐานสำคัญ คือภาพจากกล้องวงจรปิด พบคนร้ายเป็นชาย สวมโม่งและหมวกปิดบังใบหน้า เข้าไปงัดร้านค้า ร้านทอง รวมถึงร้านโทรศัพท์ภายในห้าง ได้มือถือไปหลายรายการ ก่อนที่จะหลบหนีไปทางประตูหนีไฟ จึงมีการเร่งสืบสวนหาเบาะแส พร้อมนำภาพหลักฐานเผยแพร่ตามสื่อต่างๆ เพื่อให้ประชาชน แจ้งเบาะแส
      ด้าน ร.ต.อ.พิชานน ปลื้มสุด รองสารวัตรสอบสวน สภ.เมืองนครพนม ร้อยเวรเจ้าของคดีได้เชิญตัวผู้จัดการร้านมือถือ และพนักงานประจำร้านมาสอบปากคำ พร้อมนำซีเรียลและอิมมี่ประจำตัวเครื่องมายืนยัน ประกอบในสำนวนคดี และมอบซีเรียล-อิมมี่ให้สายสืบไปหาข่าว
      ล่าสุด พ.ต.อ.ภาคภูมิ เดชะเรืองศิลป์ ผกก.สภ.เมืองนครพนม นำทีมเข้าไปจับกุมคนร้ายที่ก่อเหตุได้ ในหอพักแห่งหนึ่งในเขตพื้นที่บ้านเนินสะอาด ต.นาราชควาย  อ.เมืองนครพนม หลังมีเจ้าของร้านรับซื้อมือถือให้เบาะแส พบผู้ต้องสงสัย นำโทรศัพท์มือถือไปขาย จึงสืบสวนติดตามจับกุมได้ เป็นชาย คือนายทินกร (สงวนนามสกุล) หรือต้อ นักศึกษาวิศวกร ชั้นปี 2 มหาวิทยาลัยชื่อดัง อายุ 21 ปี ชาว อ.เรณูนคร จ.นครพนม จึงควบคุมตัวมาสอบสวน สารภาพทำไปเพราะติดพนันออนไลน์ เป็นหนี้สินไม่มีทางออก จึงตัดสินใจก่อเหตุ ปีนหลังคาโรยตัวเข้าไปในห้าง และก่อเหตุช่วงกลางดึก 
     นอกจากนี้ยังได้ มีการขยายผล ติดตามยึดของกลางคืน มี 1.ไอแพด 9  จำนวน 1 เครื่อง ราคา 24,400 บาท  2.ไอแพด โปร 11 จำนวน 1 เครื่อง ราคา 42,900 บาท 3.ไอโฟน 13 จำนวน 1 เครื่อง ราคา 23,500 บาท 4.ไอโฟน 14 จำนวน 1 เครื่อง ราคา 27,900 บาท 5.ไอโฟน 14 โปรแม็ก จำนวน 1 เครื่อง ราคา 43,900 บาท 6.ไอโฟน 15 โปรแม็ก จำนวน 1 เครื่อง ราคา 47,500 บาท และยังมีตู้โชว์สินค้า ชำรุดเสียหาย มูลค่า 10,000 บาท รวมค่าความเสียหายเป็นเงิน 220,100 บาท โดยของกลางบางส่วนมีการนำไปขายที่ร้านรับซื้อมือถือ และบางส่วนยังอยู่กับผู้ต้องหา พบมีเลขประจำเครื่องตรงกัน จึงตรวจสอบแจ้งข้อหา ลักทรัพย์ในเวลากลางคืน
       ด้าน พล.ต.ต.ธวัชชัย ถุงเป้า ผบก.ภ.จว.นครพนม เปิดเผยว่า หลังเกิดเหตุได้มอบหมายให้ทีมสืบสวน กองพิสูจน์หลักฐานลงพื้นที่ตรวจสอบเก็บหลักฐาน พร้อมนำภาพจากวงจรปิดประชาสัมพันธ์ไปยังพี่น้องประชาชนที่พบเบาะแส รวมถึงขอความร่วมมือไปยังร้านรับซื้อมือถือให้แจ้งเบาะแส จนมีการสืบสวนติดตามจับกุมผู้ก่อเหตุได้ ส่วนการดำเนินคดีผู้ต้องหาถือว่ามีฐานความผิดลักทรัพย์ในเวลากลางคืน ส่วนผู้รับซื้อจะต้องพิจารณาเป็นรายไปว่า รับซื้อของโจรหรือไม่ อย่างไรก็ตามจะได้เพิ่มมาตรการเข้มในการป้องกันไม่ให้เกิดเหตุซ้ำ
     โดยแนวทางการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ มีดังต่อไปนี้ หลังจากศูนย์วิทยุ 191 ได้รับแจ้งจาก รปภ.ห้างดัง เมื่อเวลาประมาณ 03.30 น.ของวันที่ 30 มกราคม 2567  ว่า มีสัญญาณเตือนภัยดังขึ้น อาจมีเหตุร้ายเกิดขึ้นภายในห้าง ตำรวจจึงมีการประสานกับผู้จัดการห้าง สั่งปิดพื้นที่บางส่วน เพื่อรอเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน พร้อมเจ้าของบูธตรวจสอบทรัพย์สิน เบื้องต้นมีตู้เอทีเอ็มบริษัทสินเชื่อเงินสด ถูกงัดจอด้านหน้าเปิดอ้าค้างไว้ ห่างกันประมาณ 10 เมตรเป็นบูธจำหน่ายโทรศัพท์มือถือค่ายดัง ตรงตู้โชว์สินค้า iphone มีรอยถูกงัดพบโทรศัพท์ยี่ห้อดัง ถูกคนร้ายขโมยไปจำนวน 6 เครื่อง มีรุ่นราคาแพงสุดเป็นไอโฟน 15 โปรแม็ก ราคา 47,500 บาท รวมมูลค่าเกือบ 3 แสนบาท ส่วนร้านทองคนร้ายไม่สามารถเปิดตู้นิรภัยได้ จึงไปเปิดประตูหนีไฟด้านโรงหนัง ด้วยการกระชากเคเบิ้ลไทร์ (Cable Tie) สายรัดหูจับจนขาดกระจุย สัญญาณจึงดังขึ้นดังกล่าว คนร้ายตกใจรีบเปิดประตูวิ่งไปทางด้านหลังห้าง ปรากฏว่ามีรั้วลวดหนามกีดขวาง คนร้ายพยายามจะมุดหนี แต่ยามเดินมาตรวจจุดที่สัญญาณดัง คนร้ายจึงเปลี่ยนใจวิ่งอ้อมไปอีกด้านหนึ่ง ไปขึ้นรถ จยย.ที่จอดซ่อนอยู่ในป่า ขับหลบหนีไปหอพักที่เช่าอยู่บ้านเนินสะอาด ต.นาราชควาย อ.เมืองนครพนม 
       ต่อมาช่วงบ่ายของวันเดียวกัน ตำรวจได้รับแจ้งจากร้านจำหน่ายโทรศัพท์มือถือแห่งหนึ่ง ว่า มีชายต้องสงสัยนำโทรศัพท์ไอโฟน 15 โปรแม็ก จำนวน 1 เครื่อง ราคา 47,500 บาท มาขายในราคา 19,000 บาท โดยอ้างว่าเป็นของญาติฝากมาขาย ด้วยความสงสัยเพราะเพิ่งติดตามข่าว คนร้ายฉกมือถือในห้างดัง จึงขอบัตรประชาชนจดชื่อ-ที่อยู่ไว้ หลังจากนั้นก็ได้แสดงความบริสุทธิ์ใจ ติดต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อมอบไอโฟนที่รับซื้อไว้เป็นหลักฐาน เพื่อติดตามตัวชายผู้ต้องสงสัยรายนี้
สายสืบชุดพยัคฆ์ สภ.เมืองนครพนม แกะรอยตามกล้องวงจรปิด ทราบว่าชายคนดังกล่าวขับ จยย.มายังหอพักบ้านเนินสะอาด จึงเข้าไปเชิญตัวมาสอบสวน ทีแรกอ้างว่าช่วงเวลาเกิดเหตุ นอนอยู่กับแฟนที่ห้อง แต่เมื่อสายสืบนำภาพจากกล้องวงจรปิดที่อยู่ในห้าง ให้แฟนสาวของนายต้อดู ก็ยืนยันว่าเป็นคนเดียวกันแน่นอน คนร้ายจึงจำนนต่อหลักฐาน รับสารภาพว่าติดพนันเกมออนไลน์ ต้องการเงินไปใช้หนี้ จึงคิดสิ้นย่องไปก่อเหตุดังกล่าว โดยปีนหลังคาห้างที่อยู่ด้านโรงหนัง โรยตัวลงไปรื้อค้นหาทรัพย์สิน ก่อนจะนำอุปกรณ์งัดแงะไปทิ้งไว้ในห้องน้ำชาย และหนีออกทางประตูหนีไฟ ทำให้มีสัญญาณกันขโมยดังขึ้น ด้วยความตกใจจึงร้องว๊าย แล้ววิ่งไปทางด้านหลังไปเจอรั้วลวดหนาม พยายามจะมุดหนีแต่ไม่พ้น จึงมีรอยขีดข่วนที่มือหลายแห่ง ก่อนจะวิ่งหลบไปทางอีกด้านไปขับ จยย.กลับหอพัก กระทั่งบ่ายจึงเอามือถือไปขาย เพื่อจะเอาเงินมาใช้หนี้พนันออนไลน์  ไม่นานก็มีตำรวจมาควบคุมตัวไปสอบสวนดังกล่าว
ส่วนกรณีมีภาพนายต้อเข้าไปหยิบหมวกใบหนึ่ง ที่อยู่ในล็อกวางสินค้าของห้าง แล้วเดินออกทางช่องเก็บเงิน ผู้ต้องหาได้ยกหมวกขึ้นสูง เพื่อหลบการจับของเซ็นเซอร์ คล้ายมีประสบการณ์ทำงานลักษณะนี้มาก่อน นายต้อยอมรับว่าเคยทำงานห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง เพิ่งลาออกมาเรียนต่อระดับ ป.ตรี เมื่อปี 2563 จึงรู้ว่าในห้างเปิดเซ็นเซอร์ไว้ตลอด และก็รู้ว่าในห้างมีกล้องวงจรปิดทั่วทุกจุด แต่ด้วยถึงทางตันจำเป็นต้องลอบเข้าไปขโมยทรัพย์สินในห้าง ไม่คาดคิดว่าตำรวจจะติดตามตัวได้ในเวลารวดเร็ว ส่วนผู้ต้องหาเดินคล้ายสาวสอง ยอมรับว่ามีใจรักทั้งสองเพศ

//ภาพ-ข่าว//พงศ์สุคนธ์ คุณธรรมมงคล//นครพนม (061-2838566)