วันที่ 6 ธันวาคม 2566 เวลา 15.00 น. นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ให้การต้อนรับ นางคยองซอน คิม ผู้อำนวยการองค์การยูนิเซฟประจำประเทศไทย และคณะ
ในโอกาสเข้าพบเพื่อแสดงความยินดีเนื่องในโอกาสที่เข้ารับตำแหน่งใหม่ และหารือเกี่ยวกับความร่วมมือระหว่างองค์การยูนิเซฟประจำประเทศไทยและกระทรวงแรงงาน โดยเฉพาะการพัฒนาทักษะและความสามารถในการจ้างงานของกลุ่มเยาวชนอายุตั้งแต่ 15 - 24 ปี และการจัดสวัสดิการให้กับแม่และเด็ก
โดยมี นายสิรภพ ดวงสอดศรี ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงแรงงาน นายธนัสถ์ ทวีเกื้อกูลกิจ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน นายอารี ไกรนรา เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน นายภุชงค์ วรศรี ประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่ประจำกระทรวงแรงงาน นายสมาสภ์ ปัทมะสุคนธ์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงแรงงาน เรือเอก สาโรจน์ คมคาย ที่ปรึกษากฎหมาย พร้อมด้วยผู้บริหารระดับสูงกระทรวงแรงงาน ร่วมให้การต้อนรับ ณ ห้องจัตุมงคล ชั้น 6 อาคารกระทรวงแรงงาน
นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวว่า ในวันนี้ได้หารือร่วมกับองค์การยูนิเซฟประจำประเทศไทย 2 ประเด็น ได้แก่ การพัฒนาทักษะและความสามารถในการจ้างงานของกลุ่มเยาวชนอายุตั้งแต่ 15 – 24 ปี โดยเฉพาะเยาวชนที่ไม่ได้อยู่ในการศึกษา การทำงาน หรือการฝึกอบรมในประเทศไทย (Not in Education, Employment or Training: NEET) ซึ่งประเทศไทยยังขาดข้อมูลกลุ่ม NEET ที่แท้จริง อีกทั้งยังไม่มีหน่วยงานใดเป็นเจ้าภาพหลักในการเก็บข้อมูลที่สามารถยืนยันตัวตนและยังไม่มีระบบในการให้การช่วยเหลือที่เป็นรูปธรรม ตั้งแต่ต้นทางคือครอบครัว ไปจนถึงปลายทางคือการมีงานทำและได้รับการคุ้มครองสิทธิ กระทรวงแรงงานจึงได้ร่วมกับ 4 กระทรวง คือ กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม และกระทรวงมหาดไทยในการบูรณาการข้อมูลเพื่อให้มีชุดข้อมูลที่เป็นชุดเดียวกันในการส่งเสริมและสนับสนุนการเพิ่มทักษะด้านอาชีพ การเข้าถึงแหล่งงานให้แก่กลุ่ม NEET ซึ่งความร่วมมือนี้สอดคล้องกับองค์การยูนิเซฟ ในการฝึกทักษะ และแนะแนวอาชีพ ตลอดจนการเลือกวางแผนการเรียน หรือการทำงาน เพื่อให้เยาวชนกลุ่มดังกล่าวมีงานทำ
นายพิพัฒน์ กล่าวต่อว่า สองฝ่ายยังได้หารือถึงนโยบายที่เป็นมิตรต่อครอบครัว (Family Friendly Policies: FFP) ซึ่งการส่งเสริมและพัฒนาระบบมาตรฐานแรงงานไทยในสถานประกอบการ การนำแนวปฏิบัติการใช้แรงงานที่ดี (GLP) เป็นประเด็นที่ผมให้ความสำคัญเนื่องจากเป็นการยกระดับคุณภาพชีวิตแรงงาน ซึ่งในส่วนนี้กระทรวงแรงงาน ได้ส่งเสริมให้ดำเนินการอยู่แล้ว เช่น การจัดตั้งศูนย์เลี้ยงเด็กและมุมนมแม่ในสถานประกอบการ เพื่อให้พ่อแม่ได้สร้างปฏิสัมพันธ์กับลูก การเพิ่มสิทธิวันลาคลอดจาก 90 วัน เป็น98 วันและการจ่ายเงินสงเคราะห์การหยุดงานเพื่อการคลอดบุตร เป็นต้น และขณะนี้ยังมีการหารือเกี่ยวกับการเปิดศูนย์เด็กอ่อนในนิคมอุตสาหกรรมอมตะ เพื่อให้แม่สามารถมาให้นมบุตรได้ด้วย
“ผมขอขอบคุณทางองค์การยูนิเซฟ ประเทศไทย ที่มาหารือในวันนี้ ซึ่งในส่วนของรายละเอียด จะขอนัดหมายเพื่อแจ้งความคืบหน้าอีกครั้ง และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้ร่วมกันสร้างระบบการช่วยเหลือและสร้างโอกาสให้กับเยาวชนในประเทศไทยทั้งที่อยู่ในระบบการศึกษาและไม่ได้อยู่ในระบบการศึกษา ได้พัฒนาตนเองอย่างเต็มศักยภาพ ได้อยู่อาศัยในสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยและมีส่วนร่วมในการพัฒนาประเทศไทย รวมถึงการส่งเสริมให้สถานประกอบการเห็นถึงความสำคัญในการประกอบธุรกิจควบคู่กับสร้างความรับผิดชอบต่อสังคมโดยเฉพาะด้านสิทธิของเด็กในทุกด้าน” นายพิพัฒน์ฯ กล่าว
ด้าน นางคยองซอน คิม ผู้อำนวยการองค์การยูนิเซฟประจำประเทศไทย กล่าวว่า แรงงานเป็นเรื่องสำคัญ นโยบายขององค์การยูนิเซฟเชื่อมโยงร่วมกับหลายหน่วยงาน และเราหวังว่าการทำงานร่วมกันระหว่างองค์การยูนิเซฟประเทศไทยกับกระทรวงแรงงาน จะได้ประสานความร่วมมือกันในทุกมิติต่อไป
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น