วันพุธที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2566

พิษณุโลก ตำรวจสภ.แก่งโสภา เค้นสอบ พราน ต้นเหตุพาหนุ่มวัย 17 พิการทางสมอง หลงป่า “เขาทรงอ้ายอึ่ง”ป่ามะกูด อ.วังทอง ค้นบ้านเจอปืนลูกซอง 1 กระบอก เก็บไปตรวจพิสูจน์

 

พิษณุโลก ตำรวจสภ.แก่งโสภา เค้นสอบ พราน ต้นเหตุพาหนุ่มวัย 17 พิการทางสมอง หลงป่า “เขาทรงอ้ายอึ่ง”ป่ามะกูด อ.วังทอง ค้นบ้านเจอปืนลูกซอง 1 กระบอก เก็บไปตรวจพิสูจน์  ผบ.พลพัฒนาที่ 3-รองผู้ว่าฯ-ผอ.ทสจ.-ผอ.อนุรักษ์ 11 รุดลงพื้นที่ จัดกำลังเสริมทีมอีกกว่าครึ่งร้อย ลาดตะเวนลุยค้นหาต่อ ผอ.สำนัก 11 ลั่น ใครขึ้นเขา หาของป่าต้องแจ้ง

         วันนี้ 13 ก.ย.2566 พลตรีทวีศักดิ์ วงศ์ทวีทรัพย์ ผู้บัญชาการกองพลพัฒนาที่ 3, นายวาทิต ปัญญาคม รองผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก, นายธีรสิทธิ์ วงศ์วาน ผอ.ทสจ.พิษณุโลก, นายโกเมศ พุทธสอน ผอ.สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ 11 พิษณุโลก, พ.ต.อ.วัฒนกร อู่นาทผกก.สภ.แก่งโสภา เดินทางมาร่วมประชุมแผนการค้นหาคนหลงป่า ที่ศูนย์ปฏิบัติการค้นหา ที่โรงเรียนป่ามะกูด หมู่11บ้านป่ามะกูด ต.วังนกแอ่น อ.วังทอง

เบื้องต้น กำหนดแผนเดินหน้ากระดานต่อเช้าพรุ่งนี้ โดยใช้กำลังทหารจาก พล.พัฒนาที่ 3 กว่า 24 คน หรือ  2 สาย และเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่า สบอ.11 กรมอุทยานอีก 24 คนหรือ2 สาย และสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 4 สาขา จำนวน 12 คน รวมเป็น 60 คน เดินปูพรมค้นหานายวีระยุทธ และบวกกับกำลังป่าไม้ อุทยานฯ กู้ภัยประสาทบุญสถานและชาวบ้าน 24 คนใน 2 สายที่ลุยค้นหาและนอนค้างแรมเพื่อรอค้นหาต่อพรุ่งนี้  มีเป้าหมาย ค้นหาเลยจากจุดลานหิน หรือ ลานบิน ถัดออกไปจุดหาของป่า คือ ลูกก่อ บริเวณ”เขาทรงอ้ายอึ่ง” โดยแบ่งตีตารางค้นหา วางเป้าหมาย 2 วันควรแล้วเสร็จ  


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เหตุการณ์นอกเหนือจากค้นหาภาคพื้นดินและร่มบินสำนัก 11 ขึ้นบินค้นหานั้น จนท.ตำรวจชุดสืบ สภ.แก่งโสภา นำตัว นายประมาณ ขุนชัย อายุ 50 ปี ผู้ที่พานายวีระยุทธ ยาบูช หนุ่ม 17 ปีพิการทางสมอง ขึ้นไปหาของป่าและแยกตัวออกมา โดยพาตัวไปสอบอย่างละเอียดถึงจุดที่แยกทางและปัญหาความขัดแย้งต่างๆ แม้ว่ายังไม่พบพิรุธ แต่จนท.ได้ ไปค้นอาวุธปืนลูกซอง ของนายประมาณ ขุนชัย ที่ซุกซ่อนไว้ที่ห้างนา (หลังบ้านพัก) และเตรียมไปหาปืนแก๊ปอีก 1 กระบอก ที่ซุกซ่อนบนเขาทรงอ้ายอึ่ง ว่า มีความเกี่ยวข้องกับบุคคลที่หลงป่าหรือไม่ 


  จนท.พิทักษ์ป่า อช.ทุ่งแสลงหลวง หนึ่งในทีมค้นหา 11 คน เปิดเผยว่า สภาพผืนป่าที่เดินทางเข้าไปค้นหา นายวีระยุทธ และชาวบ้าน 5 คนที่ผลัดหลงกลับลงมาจาก”เขาทรงอ้ายอึ่ง”นั้นเต็มไปด้วยป่ารถ ชันเอียง 45 องศาและมีลำห้วยและน้ำมากในบางจุด เนื่องจากฝนตกต่อเนื่อง ตลอดกลางคืน ท่ามกลางอากาศหนาวเย็น หลายคนแทบนอนไม่ได้ เนื่องจากมีทั้วร่องรอยช้างป่า กระทิง หมูป่า  

เส้นทางค้นทาง ลักษณะลาดชันระยะทาง 7 กิโลเมตรใช้เวลาเดินทาง 7 ชั่วโมง และเดินวนบริเวณรอบๆ”ต้นก่อ”ร่วมๆ 2 ชั่วโมงในการค้นหา ผู้พลัดหลง กระทั่งเดินเท้าและส่งเสียงเรียกเป็นระยะ กระทั่งได้เย็นเสียงตอบรับจากชาวบ้านผลัดหลง 5 คนในสภาพอิดโรย อยู่ในป่ารก แต่ยังไม่มีหลักฐานใดๆเกี่ยวกับหนุ่มวัย 17 ปีหลงป่า พบเห็นเพียง ขวดน้ำขวด เหมือนกับของเด็กตกอยู่  


จนท.พิทักษ์ป่า อช.ทุ่งแสลงหลวง ย้ำว่า หากเด็กยังอยู่ในเขาทรงอ้ายอึ่ง ก็เชื่อว่า จะหาพบตัวหนุ่มวัย 17 ปีแน่ 

  นายทองเกียน ยาบูช  พ่อของ นายวีรยุทธ ผู้หลงป่า เปิดเผยว่าขอให้เจ้าหน้าที่เจ้าทาง ขอให้ลูกปลอดภัยกลับบ้านได้ ซึ่งตนก็ร่วมไปค้นหา แต่ก็ยังหาไม่พบ และที่สำคัญ นายประมาณ คนที่เดินทางไปลูกตน ก็ให้คำตอบไม่ชัดเจน กรณีจุดที่แยกทางกัน 

เช่นเดียวกับทีมกู้ภัยประสาทบุญสถาน ได้นำรูปเทียน กราบไหว้สิ่งสักสิทธิ์ ที่อยู่ในโรงเรียนบ้านป่ามะกูด ให้การค้นหาเป็นอย่างราบรื่นและพบตัวในที่สุด 

ส่วน พระปลัดอุดมศักดิ์ (อาจารย์ตี๋ รองเจ้าอาวาสวัดท่ามะปราง อ.เมือง พิษณุโลก) ในฐานะที่ปรึกษา มูลนิธิร่วมกตัญญูพิษณุโลก ได้นำสิ่งของอุปโภคบริโภคมาให้จำนวนหนึ่งมามอบให้ทีมค้นหา และได้จัดเตรียมจัดอาหารสดเพื่อให้ทีมงานชุดค้นหาในวันพรุ่งนี้ พร้อมส่งจนท.มูลนิธิร่วมกตัญญูพิษณุโลก 1 ชุด (6-10คน)ร่วมค้นหา 

นายสมพงษ์ หอมสนิท นายอำเภอวังทอง เปิดเผยว่า ผู้ว่าฯได้มอบตน เป็นผู้บัญชาการเหตุการณ์ในพื้นที่ วันนี้ได้ประชุมซักซ้อมความเข้าใจ พรุ่งนี้จะสนธิกำลังป่าไม้ อุทยาน ปกครองฯลฯ เพิ่มเติมอีกรอบ ส่วนนายประมาณ ที่ลงจากเขามานั้น ให้การเป็นประโยชน์ต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ ว่ามีการแยกกับผู้หลงป่าบริเวณใดแล้ว 

 นายโกเมศ พุทธสอน ผอ.สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ 11 เผยว่า ในฐานะเจ้าของพื้นที่ คือ อุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง ได้ส่งกำลังพิทักษ์ป่าไปร่วมค้นหาพร้อมชุดร่มบินพารามอเตอร์ และพรุ่งนี้จัดส่งกำลังเสริมอีก 24 นาย จากลุยค้นหาแล้ว 24 นายในวันนี้ หากยังหาไม่พบ พร้อมจะระดมกำลังหน่วยข้างเคียงเข้ามาเสริมอีก ขอแจ้งเตือนว่า ผู้ที่เดินทางเข้าป่าในเขตอุทยานฯ จะต้องแจ้งเจ้าหน้าที่และเคารพต่อกฏหมายอุทยานแห่งชาติด้วย หากเกิดอะไรขึ้น อาจช่วยไม่ทันเหตุการณ์

/ป๊อกกองปราบ ภาพ-ข่าว/

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น