วันอังคารที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2566

สันติภาพออนไลน์

 ชลบุรี-ย้อนรอย "โครงการลานน้ำพุเต้นระบำ" ท่าเทียบเรือแหลมบาลีฮาย พัทยา แลนด์มาร์กที่ถูกลืม

มีรายงานถึง "โครงการลานน้ำพุเต้นระบำ" ท่าเทียบเรือแหลมบาลีฮาย พัทยา ที่เมืองพัทยาหวังสร้างเป็นแลนด์มาร์กแห่งใหม่กลางลานท่าเรือท่องเที่ยว พบใช้ได้เพียงไม่กี่ปีก็ปล่อยพังจนผู้คนเริ่มหลงลืม

​จากกรณีที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) มีนโยบายให้จัดระเบียบท่าเทียบเรือท่องเที่ยวพัทยาใต้ แหลมบาลีฮาย เมืองพัทยา จ.ชลบุรี เพื่อสร้างภาพลักษณ์ที่ดีด้านการท่องเที่ยว และทวงคืนพื้นที่สาธารณะให้ประชาชนได้ใช้ประโยชน์สูงสุด อีกทั้งยังเป็นการปรับสภาพภูมิทัศน์เพื่อรองรับการจัดกิจกรรมสวนสนามทางเรือนานาชาติ ในเดือน พ.ย.ปี 2560 


ซึ่งผู้บริหารสภาเมืองพัทยาในขณะนั้นได้อนุมัติงบประมาณกว่า 95 ล้านบาท เพื่อปรับปรุงอาคารและพื้นที่ของท่าเทียบเรือใหม่ และปรับภูมิทัศน์โดยรอบในเนื้อที่กว่า 10 ไร่ ภายใต้งบประมาณกว่า 81 ล้านบาท

ซึ่งในจำนวนนี้มี "โครงการลานน้ำพุเต้นระบำ” ที่ออกแบบจัดสร้างไว้เพื่อสร้างสีสันและแลนด์มาร์กใหม่ทางการท่องเที่ยวของเมืองพัทยารวมอยู่ด้วย 


โครงการนี้ขณะถูกก่อสร้างมีคำชี้แจงว่าเป็นโครงการสร้างสีสรรค์ด้านการท่องเที่ยวด้วยการโชว์น้ำพุที่เต้นระบำพร้อมด้วยแสงและเสียงประกอบที่น่าตื่นตาตื่นใจ 

โดยระบบนี้จะเป็นการทำงานของระบบปั๊มน้ำไฮโดรลิกส์ใต้ฐานลานน้ำพุ ที่มีบ่อบรรจุน้ำขนาด 50-60 ลบ.ม. รวมทั้งไฟส่องสว่างแบบ LED ที่จะส่งน้ำพ่นออกทางปลายท่อที่จัดเรียงไว้ตามจังหวะของแสงและเสียงของดนตรี 


แต่พบว่าหลังก่อสร้างไม่นานก็มีการชำรุดอย่างต่อเนื่อง ด้วยเมืองพัทยาไม่มีเจ้าหน้าที่ที่มีความรู้ ความเชี่ยวชาญในการดูแลและซ่อมแซมระบบดังกล่าว จึงจำเป็นต้องประสานผู้รับจ้างที่มีความเชี่ยวชาญให้เข้ามาซ่อมแซมให้ 

สุดท้ายเมื่อหมดสัญญารับประกัน เมืองพัทยาก็ไม่ได้เปิดใช้ประโยชน์แต่อย่างใด โดยจะมีแค่ในในช่วง 1-2 ปีแรกเท่านั้นหลังสร้างเสร็จใหม่ๆที่จะมีการเปิดใช้งานบ้าง ปิดบ้าง ชำรุดบ้าง ก่อนจะถูกปล่อยทิ้งให้ผุพังไปแบบถาวร ทำลายความฝันที่วาดไว้อย่างสวยหรูว่าจะทำให้เป็นแลนด์มาร์กแห่งใหม่ของเมืองพัทยา ซึ่งสุดท้ายโครงการนี้ก็ถูกผู้คนหลงลืมไป 

กระทั่งปัจจุบันพบว่ามีการปรับพื้นที่ลานท่าเรือบาลีฮายใหม่ให้เป็นลานอเนกประสงค์ขนาดใหญ่ที่เปิดให้ประชาชนใช้งานทั้งการจอดรถและกิจกรรมสันทนาการ 

ขณะที่ล่าสุดพบว่าเมืองพัทยาได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่นำสีมาทาทับพื้นที่ของลานน้ำพุไว้เพื่อให้มีความแตกต่างกับสีของพื้นที่ทั้งหมดของท่าเรือ ด้วยพบว่าที่ผ่านมามักจะมีนักท่องเที่ยวสะดุดหรือหกล้มบ่อยครั้งจากแนวยกระดับเป็นวงกว้างของลานน้ำพุที่สูงกว่าลานท่าเรือประมาณ 10 ซม. 


จึงเป็นเหตุให้ "โครงการลานน้ำพุเต้นระบำ” ต้องถูกหลงลืมไปจากความทรงจำ รวมไปถึงงบประมาณที่ได้อุดหนุนลงไปจัดทำด้วยจำนวนนับแสนนับล้านบาท และนี่ก็ถือเป็นอีกโครงการหนึ่งที่ถูกใช้งานเพียงไม่นานแต่ไร้การบำรุงรักษาดูแล และสุดท้ายก็ต้องถูกปล่อยทิ้งร้างไว้และปล่อยให้ผุพังไปตามกาลเวลา เสียงบประมาณไป และผู้คนก็พากันหลงลืม

/เก่ง ณ สงขลา รายงาน/

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น