วันจันทร์ที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2567

แม่ทัพภาคที่ 3 มอบบ้านช่วยเหลือผู้ยากไร้สร้างคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้น

   วันที่ 6 พฤษภาคม 2567 พลโท ประสาน แสงศิริรักษ์ แม่ทัพภาคที่ 3 เป็นประธานในพิธีส่งมอบบ้านช่วยเหลือผู้ยากไร้สร้างคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้น ให้แก่ นางสาว ปาลิตา เสมอตัว เด็กชาย ไมตรี แกว่นการนา เด็กหญิง นิราภร กัณหา ณ บ้านเลขที่ 310 หมู่ที่ 6 ตำบลวังหิน อำเภอเมิองตาก จังหวัดตาก พร้อมทั้งได้มอบพระบรมฉายาลักษณ์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ และสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินี ตลอดจนมอบถุงยังชีพพระราชทาน ชุดเครื่องนอน เครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องอุปโภค บริโภคแก่ครอบครัว
ทั้งนี้ได้รับความร่วมมือจากส่วนราชการ ผู้นำท้องที่ ผู้นำท้องถิ่น และพี่น้องประชาชนในพื้นที่ ในการบริจาควัสดุก่อสร้าง และร่วมแรงร่วมใจในการก่อสร้างบ้านให้แล้วเสร็จและดำเนินการส่งมอบบ้านให้ครอบครัวดังกล่าว

วัยรุ่นทำกิน ข้าวมันไก่อาแป๊ะ10 บาท ถึงกำไรน้อย ก็พออยู่ได้เพื่อลูกค้า

  ที่บริเวณถนนสายกำแพงแสนบางเลนตรงข้ามปั๊มพีทีเส้นกำแพงแสนบางเลนผู้สื่อข่าวได้สังเกตเห็นมีชาวบ้าน มายืนรอต่อคิวเป็นจำนวนมากจึงได้แวะและสอบถามกับเจ้าของร้านข้าวมันไก่อาแป๊ะ 10 บาทว่าทำไมมีคนมารอต่อคิวกันเป็นจำนวนมาก 
ทางด้านนายรัฐชัย  วิบูลย์ชาติ อายุ 30 ปี และนางสาวปริชยา เปรมโพธิ์ อายุ 24 ปี ได้ บอกกับผู้สื่อข่าวว่าวันนี้ได้เปิดร้านข้าวมันไก่อาแป๊ะ 10 บาทและได้โพสต์เฟสในข่าวสารกำแพงแสนว่าวันนี้เปิดร้านเป็นวันแรกซึ่งทำให้คนในข่าวสารกำแพงแสนเห็นว่าข้าวข้าวมันไก่ 10 บาทจึงได้ ติดต่อกับเจ้าของร้านว่าขอเป็นเจ้าภาพเลี้ยงข้าวมันไก่จำนวน 100 ห่อให้กับคนชาวกำแพงแสน และทราบชื่อต่อมา
นายขวัญชัย  เสลาหอม ได้เป็นเจ้าภาพเลี้ยงข้าวมันไก่จำนวน 100 ห่อให้กับคนชาวกำแพงแสนจึงทำให้ชาวบ้านทราบข่าวในเฟสจึงทำให้มารอต่อคิวกันเป็นจำนวนมากและทางด้านเจ้าของร้าน ได้พูดกับผู้สื่อข่าวว่าวันนี้เป็นวันแรกที่ทางร้านข้าวมันไก่ได้เปิดการขายจึงทำให้มีคนมาเป็นเจ้าภาพเลี้ยงจำนวน 100 ห่อ  และผู้สื่อข่าวถามว่าขายในราคา 10 บาทได้กำไร มากน้อยแค่ไหนทางด้านเจ้าของร้านได้เผยกับผู้สื่อข่าวว่าช่วงก่อนทำงานโรงงานค่าแรงน้อยจึงปรึกษากับสามี จึงได้ชวนกันมาขายข้าวมันไก่ในราคา 10 บาทซึ่งได้บอกกับผู้สื่อข่าวว่าตนเองมีสาขาแรกตั้งอยู่หน้ามอเกษตรกำแพงแสนถนนสายนกฮูกหน้ามอเกษตรเพื่อขายให้กับนิสิต นักศึกษาในราคา 10 บาทและให้กับชาวบ้านในละแวกใกล้เคียงจึงทำให้มีนิสิตและชาวบ้านมาซื้อข้าวมันไก่ภายในร้านเป็นจำนวนมากและทางด้าน เจ้าของร้านได้มาเปิดอีกสาขาซึ่งอยู่เส้นถนนกำแพงแสนบางเลนก่อนถึงไฟแดงบ่อน้ำจืดวันนี้จึงทำให้มีชาวบ้านมารับข้าวมันไก่จากผู้ใจดีจำนวน 100 ห่อ ในวันเปิดร้านโดยมีชาวบ้านละแวกใกล้เคียงมากันและต่อคิวทางด้านเจ้าของร้านบอกกับผู้สื่อข่าวว่าขายข้าวมันไก่มาหนึ่งปีและขายในราคา 10 บาทถึงกำไรน้อยช่วงนี้เศรษฐกิจเศรษฐกิจไม่ค่อยดี ได้เห็นว่ามีชาวบ้านตกงานและมีรายได้น้อยจึงขายข้าวมันไก่ในราคา 10 บาทถึงกำไรน้อยแต่ก็พออยู่ได้เพื่อชาวบ้าน  และยังบอกว่าถ้าใครผ่านไปผ่านมาที่ไม่มีเงินก็สามารถมาทานฟรีได้ โดยทางด้านผู้สื่อข่าวถามเจ้าของร้านว่าได้สูตรมายังไงเจ้าของร้านบอกว่าได้คิดค้นสูตรข้าวมันไก่มาเอง และทางด้านผู้สื่อข่าวได้ถามกับชาวบ้านว่ารสชาติเป็นยังไงสำหรับชาวบ้านที่เคย ซื้อที่หน้ามอเกษตรบอกว่ารสชาติอร่อยไก่นุ่มข้าวก็อร่อยถึงติดใจวันนี้ทราบข่าวมีคนแจกข้าวมันไก่จึงได้แวะมา เปิดร้านเวลา 17.00 ถึง 21.00 น.

รมว.ยุติธรรม ยัน รัฐบาลให้ความสำคัญการศึกษาขั้นพื้นที่ เรียนฟรีไม่ต่องเสียเงิน

วันอาทิตย์ ที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2567 ณ ฟุตบอล โรงเรียนโพธิ์คีรีราชศึกษา อำเภอโคกโพธิ์ จังหวัดปัตตานี พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เป็น ประธานในพิธี  งานคืนสู่เหย้า ชาวโพธิ์คีรีฯ ตอน "แค แสด คืนถิ่น" เพื่อสร้างสัมพันธ์อันดีและสร้างเครือข่ายระหว่างศิษย์เก่า คณะครูและบุคลากรโรงเรียนโพธิ์คีรีราชศึกษา และ จัดหาทุนการศึกษาให้กับนักเรียน สร้างและต่อเติมห้องน้ำหลังอาคารหอประชุม 
โดย นางพาตีเมาะ สะดียามู ผู้ว่าราชการจ.ปัตตานี นายบุญสม ทองศรีพร้าย ประธานศิษย์เก่าโรงเรียนโพธิ์รีราชศึกษา หัวหน้าส่วนราชการ ศิษย์เก่าและประชาชนในพื้นที่กว่า 760 คน ร่วมกิจกรรม 
สำหรับ โรงเรียนโพธิ์คีรีราชศึกษาเป็นโรงเรียนสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้น
พื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ ก่อตั้งมาเมื่อวันที่ 17 เดือน พฤษภาคม พ.ศ. 2504 โดย
ใช้ชื่อเดิมว่า "โรงเรียนโคกโพธิ์" มีนายเนื่อง สิงหโฆษิต เป็นครูใหญ่ ต่อมาเมื่อปีพ.ศ. 2512 ได้เปลี่ยนชื่อเป็น "โรงเรียนโพธิ์คีรีราชศึกษา" นับตั้งแต่ได้มีการก่อตั้ง
โรงเรียนโพธิ์คีรีราชศึกษามาเมื่อปี 2504 จนถึงปัจจุบัน เป็นระยะเวลา 63 ปี 
    พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม   กล่าวว่า  วันนี้ พบว่า กลุ่มผู้ติดยาเสพติด เกือบ 80 เปอร์เซ็น ไม่ได้เรียนหนังสือและมีการศึกษาต่ำ ในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ มีเรือนจำอยู่ 4 เรือนจำ คือเรือนจำ นราธิวาส ปัตตานี ยะลา และเบตง พบว่าระดับการศึกษาต่ำกว่าการศึกษาขั้นพื้นฐานคือ ต่ำกว่า ม. 6   ถึง 82 เปอร์เซ็นต์ แสดงว่าคนไม่มีการศึกษาต้องไปอยู่ในเรือนจำ คนไม่มีการศึกษาก็ไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติด  อันนี้เป็นข้อมูลน่าเชื่อถือ วันนี้การศึกษาขั้นพื้นฐาน รัฐบาลให้เรียนฟรี ถึงจบ ม.6 โดยไม่ต้องเสียเงิน รัฐบาลจ่ายให้คนทุกคน ไม่ต้องการให้ใครมีการศึกษาต่ำกว่าม.6 

น้ำลด”สันดอน”ผุดกลาง”คลองอาทิตย์” ชาวบ้านเดือด ร้อง ผู้ว่าฯ สส และ ปปช. ให้ตรวจสอบ เพื่อ “ชลประทาน” เพราะเชื่อว่ามีการ “ทุจริต” ในการการ ขุดลอก

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากสภาวะภัยแล้งที่เกิดขึ้นอย่างรุนแรงในจังหวัดสงขลา ทำให้น้ำใน แม่น้ำลำคลอง แห้งขอด เป็นจำนวนมากในหลายท้องที่ โดยเฉพาะใน 4 อำเภอของคาบสมุทร สทิงพระ คือ อ.สิงหนคร .สทิงพระ กระแสสินธุ์ และ ระโนด ซึ่งต้องอาศัยน้ำในคลองอาทิตย์ ( คลองพลเอกอาทิตย์ กำลังเอก ) ในการทำการเกษตร ซึ่งขณะนี้น้ำในหลายช่วงแห้งขอด เช่นในพื้นที่ของ อ.สทิงพระ ตั้งแต่ตำบลบ่อแดง ต.คูขุด ลงไปถึง  ทำให้เห็นสันดอนโผล่ขึ้นมา เป็นจำนวนมาก รวมทั้งยังพบว่า แสดงให้เห็นว่าในการ  จ้างผู้รับเหมา ของ สำนักงานชลประทาน ที่รับผิดชอบโครงการดังกล่าว ไม่มีการ ควบคุมตรวจสอบ ที่ดีพอ ทำให้การ ท้องคลอง ไม่มีความเสมอ มี โคก มี สันดอน มากมาย ที่เป็นอุปสรรคในการไหลของน้ำ และชาวบ้านในพื้นที่ยังพบว่า ใน สะพาน หลายแห่ง ไม่มีการ ขุดลอก ให้มีความเสมอกับ ท้องคลอง จึงทำให้น้ำไหลไม่ได้เป็นช่วงๆ สร้างความเดือดร้อนให้กับชาวบ้าน ที่เป็นเกษตรกร ในหลายตำบลที่คลองอาทิตย์แห้ง ขาดน้ำในการใช้ทำการเกษตร และ อื่นๆ
ชาวบ้านในพื้นที่ ที่ได้รับความเดือดร้อน กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า ถ้ามีการบริหารจัดการที่ดี มีการ ขุดลอกที่ถูกต้อง โดยท้องคลอง ไม่มีเป็นโคก เป็น ดอน และมีการขุดลอกคลองใต้สะพาน ปัญหาที่น้ำแห้งขอดเป็นบางช่วงบางตอนก็อาจจะไม่เกิดขึ้น หรือไม่รุนแรงอย่างในปัจจุบัน และ คลองอาทิตย์ในช่วงที่ผ่านใน อ.กระแสสินธุ์ และ อ.ระโนด ยังมีน้ำอยู่ แม้จะไม่มาก แต่ไม่แห้งขอด จนหญ้าขึ้น และ วัวลงไปเดินได้ อย่างในพื้นที่ของ อ.สทิงพระ สิ่งที่ชาวบ้านพบเห็นหลังเกิดภาวะน้ำแห้ง ทำให้เห็นว่า ปัญหาของ คลองอาทิตย์ เกิดจากการ ทุจริต คอร์รับชั่น ในการขุดลอก และ เชื่อว่า สันดอน ที่โผล่ออกมาประจาน หน่วยงานที่รับผิดชอบในการขุดลอก ไม่ได้มีเฉพาะในพื้นที่ของ อ.สทิงพระ ถ้าน้ำแห้งหมดทั้งคลอง ในพื้นที่ของ อ.ระโนด อาจจะมีสภาพที่หนักกว่าที่ สทิงพระ ด้วยซ้ำ
ชาวบ้านผู้เดือดร้อน กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า สิ่งที่ชาวบ้านต้องการในขณะนี้คือ หน่วยงานที่รับผิดชอบคือ ชลประทาน จะต้องแก้ปัญหาเฉพาะหน้า คือการ ขุดลอก สันดอน และ ใต้สะพาน ที่ โผล่ขึ้นมา และที่ ขวาง ทางน้ำ เพื่อให้น้ำสามารถไหลได้ตลอดทั้งลำคลอง เพื่อแก้ปัญหาการขาดน้ำของเกษตรกร และต้องมีการเอาผิดกับหน่วยงานที่รับผิดชอบในการ ขุดลอก คลองอาทิตย์ ที่เห็นแล้วว่ามีความ ผิดปกติ  เรื่องนี่เป็นเรื่องใหญ่ ที่ต้องมีการ ตรวจสอบ สายคลองอาทิตย์ทั้งสาย เพื่อหาผู้รับผิดชอบ เพราะจากสภาพที่เห็น ชาวบ้านมั่นใจว่า มีการ ทุจริต เกิดขึ้น อย่างแน่นอน
ขอเรียกร้องไปยัง ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา และ สำนักงาน ปปช. สงขลา รวมทั้ง สส.เขต 4 พรรคพลังประชารัฐ ใน จ.สงขลา ที่มี ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เป็น รมว.กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่ดูแลกรมชลประธาน ดำเนินการสอบสวนข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น  ซึ่งไม่เฉพาะในเรื่องของ คลองอาทิตย์ เพียงแห่งเดียว  เพราะโครงการอื่นๆ ของกรมชลประทาน ในพื้นที่ มีการร้องเรียน และมีข่าวฉาวโฉ่ เกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา

เกี่ยวกับเรื่องของ คลองอาทิตย์ ที่มี สันดอนโผล่ขึ้นมากมากมาย หลังน้ำแห้งขอด นายไชยยงค์ มณีรุ่งสกุล นายกสมาคมนักหนังสือพิมพ์ภูมิภาคแห่งประเทศไทย ซึ่งเป็นที่ปรึกษาประจำคณะกรรมาธิการการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ กล่าวว่าประชาชนผู้ที่ต้องการให้คณะกรรมาธิการฯ ทำการตรวจสอบโครงการนี้ สามารถร้องเรียนไปได้ยัง คณะกรรมาธิการฯเพื่อให้มีการตรวจสอบได้อีกทางหนึ่ง นอกจากการร้องเรียนไปยัง สำนักงาน ปปช.จังหวัดสงขลา และทราบว่า เกี่ยวกับเรื่อง ภัยแล้ง ที่สร้างความเดือดร้อนให้กับเกษตรกรในพื้นที่ คาบสมุทรสทิงพระ นายสมนึก พรหมเขียว ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา ได้ลงพื้นที่เห็นสภาพปัญหาของคลองอาทิตย์ และได้สั่งการให้หน่วยงานที่รับผิดชอบทำการแก้ปัญหาเร่งด่วนแล้ว แต่ก็อยากจะให้มีการตรวจสอบเรื่องถึงความไม่ชอบมาพากลในการ ขุดลอก ว่ามีการ ทุจริต หรือไม่

ศรีสะเกษ พายุฤดูร้อนถล่มภูสิงห์ 3 ตำบล 12 หมู่บ้านพังยับเยินต้นไม้ฉีกขาดโค่นทับบ้านเรือนของชาวบ้าน ขณะที่นายอำเภอภูสิงห์เร่งเข้าไปให้การช่วยเหลืออย่างเร่งด่วนแล้ว


เมื่อวันที่ 6 พ.ค.2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ ต.ห้วยตามอญ อ.ภูสิงห์  จ.ศรีสะเกษ จ่าเอกสมควร  สิงห์คำ  นายอำเภอภูสิงห์ ได้สั่งการให้ นายสรศิริ   จันดีบุตร  ปลัดอำเภอฝ่ายความมั่นคง อ.ภูสิงห์ นำเจ้าหน้าที่ อส.อ.ภูสิงห์  ร่วมกับนายก อบต.ห้วยตามอญ กำนัน ต.ห้วยตามอญ ผู้ใหญ่ และจิตอาสา ได้ร่วมกันเข้าไปสำรวจความเสียหายและให้ความช่วยเหลือชาวบ้านที่บ้านเรือนถูกพายุฤดูร้อนพัดถล่มอย่างรุนแรงนานประมาณ 30 นาที  พายุที่พัดถล่มอย่างรุนแรงได้ส่งผลให้ต้นไม้ขนาดใหญ่ฉีกขาดโค่นล้มลงมาทับบ้านเรือนของชาวบ้านได้รับความเสียหาย บ้านเรือนของชาวบ้านโดนลมพายุพัดถล่มลงมากองอยู่กับพื้น หลังคาบ้านเรือนของชาวบ้านที่เป็นสังกะสีโดนลมพายุพัดปลิวไปไกลหลายสิบเมตร ซี่ง นายสรศิริ จันดีบุตร ได้นำคณะเจ้าหน้าที่เข้าไปเร่งทำการช่วยเหลือชาวบ้านโดยการตัดต้นไม้ที่โค่นล้มทับบ้านเรือน ช่วยเหลือเก็บข้าวของทรัพย์สินต่าง ๆ  พร้อมทั้งเข้าไปทำการซ่อมแซมหลังคาบ้านเรือนของชาวบ้านให้สามารถใช้การได้ตามปกติอย่างเร่งด่วน
จ่าเอกสมควร  สิงห์คำ  นายอำเภอภูสิงห์  กล่าวว่า  เมื่อเวลาประมาณ 17.35 น. วันที่ 5 พ.ค.2567 ได้เกิดเหตุลมพายุฤดูร้อนพัดต้นไม้หักโค่นทับบ้านเรือนที่พักอาศัยและคอกสัตว์ของชาวบ้านในเขตพื้นที่ อ.ภูสิงห์ได้รับความเสียหาย จำนวน 3 ตำบล 12 หมู่บ้าน ซึ่งจากการสำรวจความเสียหายในเบื้องต้นพบว่า  
      ต.ห้วยตามอญ จำนวน 8 หมู่บ้าน ที่อยู่อาศัยและคอกสัตว์เสียหาย รวม 25 หลังคาเรือน ต.ละลม จำนวน 2 หมู่บ้าน ที่อยู่อาศัยและคอกสัตว์เสียหาย 10 หลังคาเรือน  และ ต.ห้วยตึ๊กชู จำนวน 1 หมู่บ้าน ที่อยู่อาศัยและคอกสัตว์เสียหาย 15 หลังคาเรือน รวมแล้ว 50 หลังคาเรือน  
ซึ่งตนได้สั่งการให้ฝ่ายปกครองและสมาชิก อส.ร่วมกับ อบต.ในพื้นที่ร่วมกันตัดต้นไม้ที่ล้มทับบ้านเรือนประชาชนและทับถนนออกเพื่อเปิดการสัญจรตามปกติพร้อมเร่งรัดสำรวจความเสียหายของบ้านเรือนเพื่อดำเนินการให้การช่วยเหลือตามขั้นตอนต่อไป///////

ภาพ / ข่าว ศิริเกษ  หมายสุข ผู้สื่อข่าวประจำ จ.ศรีสะเกษ

วันอาทิตย์ที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2567

ศิษยานุศิษย์ร่วมงานไหว้ครูและครอบครูวัดโคกเขมานครชัยศรี

 พระครูโกวิฑสุตการ  ดร. (หลวงพ่อกำไร)  รองเจ้าคณะอำเภอนครชัยศรี   เจ้าอาวาสวัดโคกเขมา   ประธานจัดงานไหว้ครูและครอบครู    
ที่วัดโคกเขมา  ได้มีงานไหว้ครูและครอบครูและพิธีรับดาวพฤหัส  และสวดบูชาเทพนพเคราะห์  โดยในงานได้มีลูกศิษย์ทั่วไปต่างเดินทางมาร่วมงานกันเป็นจำนวนมาก 
พิธีนี้  เพื่อเสริมดวงชะตา  เกี่ยวโชคลาภ การงาน การค้าขาย และขจัดปัดเป่าสิ่งอัปมงคล   และในงานนี้ถือว่าเป็นการนอมระลึกถึงครูบาอาจารย์  อีกด้วย การเข้าพิธีในครั้งนี้ถือว่าผู้ที่เข้าร่วมจะมี ความเจริญรุ่งเรือง  โชคดีมีกำไรในปี67  นี้จึงมีผู้เข้าร่วมงานกันเป็นจำนวนมาก

พิพัฒน์ผุดไอเดียส่งเสริมอาชีพอิสระทุกตำบล ตั้งเป้าเป็นกระทรวงเศรษฐกิจ ชู “6 ก” สร้างหลักประกันผู้ใช้แรงงาน

นายภูมิพัฒน์ เหมือนจันทร์ โฆษกกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.แรงงาน ได้แต่งตั้งคณะทำงานขับเคลื่อนการพัฒนาศักยภาพในการประกอบอาชีพอิสระ ภายใต้นโยบาย “หนึ่งตำบล หนึ่งกลุ่มอาชีพอิสระ” ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการผลักดันให้กระทรวงแรงงานเป็นกระทรวงเศรษฐกิจ โดยมีตนเป็นประธานคณะทำงาน เนื่องจากมีประสบการณ์ใกล้ชิดกับประชาชนและเข้าใจบริบทของการทำงานในพื้นที่เป็นอย่างดี และมีผู้แทนส่วนราชการของกระทรวงแรงงานร่วมเป็นคณะทำงาน ทั้งนี้ รมว.แรงงานต้องการสร้างต้นแบบและส่งเสริมการพัฒนากลุ่มอาชีพอิสระแบบครบวงจรในทุกตำบล ตั้งแต่การขึ้นทะเบียน การพัฒนาฝีมือและผลิตภัณฑ์ เงินกู้เพื่อประกอบอาชีพ การประกันสังคม และการเชื่อมโยงไปสู่ผู้ซื้อ เพื่อสร้างรายได้และความมั่นคงในชีวิตของกลุ่มอาชีพอิสระและครอบครัว โดยเน้นย้ำเรื่องมาตรฐานของสินค้าเพื่อยกระดับให้มีคุณภาพและราคาที่สูงขึ้น พร้อมทั้งจะประสานงานกับกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และอื่น ๆ เพื่อจัดหาตลาด เช่น ตลาดสาขาขององค์การตลาด งานแสดงสินค้าที่จัดขึ้นตลอดทั้งปี และแหล่งท่องเที่ยวทั่วประเทศ ซึ่งจะช่วยเพิ่มโอกาสในการขายสินค้าให้มากขึ้น

ปัจจุบันประเทศไทยมีแรงงานอิสระถึง 20 ล้านคน ครอบคลุมหลากหลายอาชีพ เช่น เกษตรกร พ่อค้าแม่ค้า ผู้รับจ้างหรือให้บริการ ผู้รับงานไปทำที่บ้าน ผู้ให้บริการขนส่งคน สิ่งของ อาหาร ทำความสะอาด หรืออื่น ๆ ผ่านแพลตฟอร์มดิจิทัล หรือไรเดอร์ ดังนั้นการดูแลคนกลุ่มนี้จึงเป็นเรื่องสำคัญ ซึ่งกระทรวงแรงงานกำลังเร่งผลักดันร่าง พ.ร.บ.ส่งเสริมและคุ้มครองแรงงานอิสระ พ.ศ. ...เสนอต่อคณะรัฐมนตรี ถือเป็นมิติใหม่ของกฎหมายแรงงานที่สอดคล้องกับลักษณะการทำงานที่เปลี่ยนแปลงไป โดยมีสาระสำคัญที่เรียกง่าย ๆ ว่า “มาตรการ 6 ก” คือ 1. กำหนดนิยามแรงงานอิสระให้ชัดเจน 2. กำหนดหน้าที่ให้มีการส่งเสริมการมีงานทำ พัฒนาทักษะฝีมือ มีสภาพการทำงาน และสิทธิประโยชน์ที่เหมาะสม 3. การขึ้นทะเบียนแรงงานอิสระ ส่งเสริมการรวมกลุ่ม 4. กลไกขับเคลื่อนตั้งคณะกรรมการส่งเสริม คุ้มครอง ติดตามตรวจสอบ และประเมินผล 5. กองทุนหมุนเวียนเป็นแหล่งเงินกู้เพื่ออาชีพ ประกันชีวิตและสุขภาพ และ 6. การคุ้มครอง มีพนักงานตรวจแรงงานอิสระ รับเรื่องร้องเรียน ดำเนินคดี ช่วยเหลือแรงงานอิสระ โดยเมื่อคณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบแล้ว จะนำเข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภาต่อไป

“ท่านพิพัฒน์เล็งเห็นถึงศักยภาพของแรงงานอิสระทั่วประเทศ และรับทราบปัญหาของคนกลุ่มนี้ โดยเฉพาะการสร้างรายได้และหลักประกันความมั่นคง ซึ่งถือเป็นโจทย์ของเราที่จะต้องดูแลอย่างเป็นระบบและครบวงจร กระทรวงแรงงานจึงอยากเติมเต็มความสุขให้กับพี่น้องผู้ใช้แรงงานทุกกลุ่ม โดยไม่จำกัดเฉพาะแต่แรงงานในระบบเท่านั้น เพื่อให้ทุกคนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น” นายภูมิพัฒน์ กล่าว