วันเสาร์ที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2567

พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ระดมสรรพกำลังเร่งรัดการแก้ไขปัญหายาเสพติดในจังหวัดชายแดนใต้

(วันที่ 2 มีนาคม 2567) ผู้สื่อข่าวรายงานจาก ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ ว่า พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เดินทางมามอบแนวทางดำเนินการแก้ไขปัญหายาเสพติดในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่ ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยมี พล.ต.ท.ปิยะวัฒน์ เฉลิมศรี ผบช.ภ.9, นายประสาร  หยงสตาร์ ผอ.ปปส.ภาค 9, พันตำรวจโท มนตรี บุญยโยธิน รองอธิบดีกรมคุมประพฤติ, นาย พงษ์พันธ์ แก้วพิมพ์ ผู้อำนวยการสถานพินิจฯ, นายปริญญา ศรีธัญญแก้ว ผบ.เรือนจำกลางยะลา 
า และ ข้าราชการตำรวจในสังกัดภาค 9 กว่า 500 นาย ร่วมรับฟังนโยบาย
พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวถึงการแก้ไขปัญหายาเสพติดในพื้นที่ภาคใต้ ว่า นอกเหนือการจับกุมคือบำบัดและดูแลเพื่อสนับสนุนการแก้ไขปัญหายาเสพติดอย่างยั่งยืน จำเป็นต้องจัดหางานฝึกทักษะวิชาชีพให้แก่ผู้ที่ผ่านการบำบัดยาเสพติด เน้นการเข้าถึงชุมชน หมู่บ้าน ดูแลกลุ่มเสี่ยงยาเสพติดโดยใช้ความเข้าใจในสภาพพื้นที่สังคมพหุวัฒนธรรม
วันนี้นักโทษกว่าร้อยละ 90 คือคดียาเสพติด อยากให้เรามาหาแนวทางการแก้ปัญหาเสพติดด้วยกัน จนท.ต้องมีความรับผิดชอบแก้ปัญหาร่วมกัน เราเคารพเอื้อเฟื้อต่อหน้าที่ และมีความกรุณาปราณีต่อประชาชน การแก้ปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนถือเป็นหน้าที่ ยาเสพติดทำให้ไม่เกิดความสุขในครอบครัวเพราะฉะนั้นการบำบัดฟื้นฟูให้ชุมชนเข้มแข็งและ การแก้ไขปัญหายาเสพติดคือการมอบความสุขให้ครอบครัวและประชาชน 
     ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า จากสถานการณ์ปัญหายาเสพติด ในพื้นที่ 7 จังหวัดภาคใต้ตอนล่าง ห้วงปัจจุบัน (ตุลาคม 2566 - กุมภาพันธ์2567) ยาบ้า ไอซ์ และเฮโรอีน ยังคงเป็นตัวยาหลักที่มีการค้าและแพร่ระบาด โดยยาบ้าพบการค้าและแพร่ระบาดกระจายในทุกจังหวัดและอำเภอที่สำคัญ พบว่านักค้ายังคงมีความพยายามลักลอบส่งออกไปยัง ประเทศเพื่อนบ้านผ่านทางช่องทางธรรมชาติในพื้นที่จังหวัดนราธิวาสและจังหวัดสตูล รัฐบาลมีนโยบายปราบปรามและแก้ไขปัญหายาเสพติดอย่างจริงจังไม่ว่าจะเป็นการสกัดกั้นยาเสพติดตามแนวชายแดน การจับกุมยึดทรัพย์ผู้ค้า การจัดการเจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้อง เปลี่ยนผู้เสพให้เป็นผู้ป่วย ให้เข้ารับการบำบัดโดย 30 จังหวัดเป็นเป้าหมายแรกในวันนี้ 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น