วันจันทร์ที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2567

รองเลขาธิการ ศอ.บต. ลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้าโครงการพัฒนาเส้นทางศึกษาธรรมชาติ "ต้าสวุ่ยต้อ" มุ่งพลิกโฉมอุโมงค์หลบภัยสู่แหล่งท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์และเส้นทางศึกษาป่าบาลาฮาล่าแห่งใหม่

          เมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2567 นายชนธัญ แสงพุ่ม รองเลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) พร้อมด้วยคณะจากสำนักงานป่าไม้ที่ 13 ลงพื้นที่เพื่อติดตามความคืบหน้าและร่วมเดินสำรวจเส้นทางศึกษาธรรมชาติที่จะมีการพัฒนาภายใต้โครงการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศและประวัติศาสตร์ "อุโมงค์ใหญ่ ต้าสวุ่ยต้อ" อำเภอเบตง จังหวัดยะลา เป้าหมายเพื่อพลิกโฉมอุโมงค์หลบภัยในอดีตให้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ของจังหวัดชายแดนภาคใต้ และเป็นแหล่งเรียนรู้ทางประวัติศาสตร์แก่คนรุ่นหลังและนักท่องเที่ยว
โครงการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศและประวัติศาสตร์ "อุโมงค์ใหญ่ ต้าสวุ่ยต้อ" ดำเนินการโดยกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยกรมป่าไม้เป็นหน่วยงานหลัก ร่วมกับ ศอ.บต. และจังหวัดยะลา มุ่งพัฒนาอุโมงค์ใหญ่ "ต้าสวุ่ยต้อ" อดีตศูนย์บัญชาการสำคัญของขบวนการคอมมิวนิสต์มาลายา ซึ่งเปี่ยมไปด้วยคุณค่าทางประวัติศาสตร์ของการต่อสู้ในอดีต  สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2519  ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์แห่งใหม่ ส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ และสร้างโอกาสในการเรียนรู้แก่คนรุ่นหลังและนักท่องเที่ยวที่สนใจ
ทั้งนี้ ในปีงบประมาณ 2567 กรมป่าไม้ได้รับจัดสรรงบประมาณ 3 ล้านบาท เพื่อศึกษาเส้นทางและดำเนินการนำร่องเปิดเส้นทางการท่องเที่ยวภายในปี 2568 มุ่งดึงดูดนักท่องเที่ยวสายผจญภัยและรักการเดินป่า (hiking) เข้ามาท่องเที่ยวในเมืองเบตงมากขึ้น 
อุโมงค์ใหญ่ "ต้าสวุ่ยต้อ" ตั้งอยู่ที่หมู่ที่ 2 บ้านปิยะมิตร 1 ตำบลตะเนาะแมเราะ อำเภอเบตง จังหวัดยะลา อุโมงค์แห่งนี้ถูกขุดด้วยแรงคนในสมัยการต่อสู้ระหว่างพรรคคอมมิวนิสต์มาลายากับรัฐบาลมาเลเซีย ระหว่างปี พ.ศ. 2491 - 2532 เพื่อใช้เป็นที่หลบภัยทางอากาศ  ภายในประกอบด้วยอุโมงค์ทางเข้าออกหลายสิบทางเชื่อมโยงถึงกันคล้ายใยแมงมุม  มีห้องนอน  พื้นที่ปฏิบัติการ  สถานีวิทยุ  ห้องเก็บเสบียง  สะท้อนให้เห็นถึงความชาญฉลาดในการก่อสร้างของมนุษย์ในอดีต
 โครงการพัฒนา "อุโมงค์ใหญ่ ต้าสวุ่ยต้อ"   นับเป็นการต่อยอดมรดกทางประวัติศาสตร์  ยกระดับแหล่งท่องเที่ยว   ส่งเสริมเศรษฐกิจฐานราก   และสร้างรายได้ให้กับชุมชนในพื้นที่อย่างยั่งยืน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น