วันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2567 เวลา 17.00 น. นายศิริวัฒน์ บุปผาเจริญ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุตรดิตถ์ พร้อมผู้เกี่ยวข้องแถลงผลการจับกุมผู้ลักลอบเปิดร้านจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้ากลางใจเมืองอุตรดิตถ์ได้ของกลางหลายรายการมูลค่ากว่า 4 แสนบาท พร้อมผู้ต้องหา ชึ่งได้รับสารภาพว่าเป้นเพียงผู้รับจ้างเฝ้าร้านและจำหน่ายแต่ไม่ได้เป็นเจ้าของร้าน โดยได้จำหน่ายให้กับบุคคลทั่วไปและกลุ่มวัยรุ่น
จากการมีผู้ร้องเรียนมายังศูนย์ดำรงค์ธรรมจังหวัดอุตรดิตถ์ว่ามีการลักลอบขายบุหรี่ไฟฟ้าในเขตเทศบาลเมืองอุตรดิตถ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุตรดิตถ์จึงได้สั่งการให้ชุดจัดระเบียบสังคมแบบบูรณาการออกตรวจตามข้อร้องเรียน โดยได้ส่งสายเข้าล่อซื้อบุหรี่ไฟฟ้า พร้อมกับถ่ายธนบัตรฉบับละ 500 บาท จำนวน 1 ฉบับ ธนบัตรฉบับละ 100 บาท จำนวน 5 ฉบับ ซื้อตัวบุหรี่ไฟฟ้าและน้ำยาจำนวน 2 ชิ้น หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ได้ขอเข้าตรวจค้นอาคารพานิชย์ ถนนเจษฎาบดินทร์ ชื่อร้าน KT Shop พบนางสาว เอ (นามสมมุติ) อายุ 24 ปี เป็นพนักงานประจำร้าน เจ้าหน้าที่ได้แสดงตนขอตรวจค้นภายในร้านพบตัวบุหรี่ไฟฟ้า น้ำยา จำนวนกว่า 1,000 ชิ้น มีมูลค่ากว่า 4 แสนบาทจึงได้นำของกลางพร้อมผู้ต้องหามาสอบสวนและขยายผลการจับกุมต่อไป โดยได้ตั้งข้อกล่าวหา จำนวน 3 ข้อกล่าวหา
1. ตามคำสั่งคณะกรรมการผู้บริโภค 9/2558 ผู้ใดขายหรือให้บริการโดย มีค่าตอบแทน รวมถึงการซื้อมาเพื่อขายต่อต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับ ไม่เกิน 600,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
2) ตามประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่องกำหนดให้บารากู่และบารากู่ไฟฟ้าหรือบุหรี่ไฟฟ้าเป็นสินค้าต้องห้ามในการนำเข้ามาในราชอาณาจักร พ.ศ. 2557
3) ตามพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2560 ผู้ใดช่วยซ่อนเร้น ช่วยจำหน่ายช่วยพาเอาไปเสียซื้อรับจำนำ หรือรับไว้โดยประการใด ซึ่งของอันตนรู้ว่าเป็นของที่เข้ามา ในราชอาณาจักร โดยยังมิได้ผ่านพิธีการศุลกากรโดยถูกต้อง ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับเป็นเงิน 4 เท่าของราคาสินค้าหรือทั้งจำทั้งปรับ
นายศิริวัฒน์ บุปผาเจริญ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุตรดิตถ์ เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามมาตรการของทางรัฐบาลอย่างต่อเนื่อง และทางจังหวัดอุตรดิตถ์ยังคงใช้มาตรการตรวจสอบและเฝ้าระวังอย่างเข้มข้น ในเรื่องสารเสพติดรวมทั้งน้ำกระท่อม ชึ่งเป็นสารเสพติดการมอมเมาเยาวชนของชาติ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น