2 ข้อหา คือ ข้อหายุยงปลุกปั่น มีโทษจำคุกไม่เกิน ๗ ปี และข้อหาอั้งยี่ซ่องโจร มีโทษจำคุกไม่เกิน ๕ ปี หรือ ปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือ ทั้งจำทั้งปรับ ซึ่งนักกิจกรรมทั้ง ๙ คน ได้ไปลงนามรับทราบข้อกล่าวหาตามหมายเรียกของพนักงานสอบสวนเมื่อวันที่ ๙ มกราคม ๒๕๖๗ ณ สถานีตำรวจภูธรสายบุรี จังหวัดปัตตานี ที่เป็นข่าวช่วงที่ผ่านมา
พรรคประชาชาติ ไม่อาจเห็นด้วยกับแนวทางการแจ้งความดำเนินคดีอาญากับนักกิจกรรม เป็นคดีดังกล่าว เพราะเท่าที่ทางพรรคประชาชาติ ได้ติดตามข้อเท็จจริงกับพฤติการณ์ที่เป็นที่มาของการแจ้งข้อกล่าวหา
ซึ่งก่อนนี้ก็เคยมีการรวมตัว เพื่อแสดงพลังในการรักษาอัตลักษณ์ ส่งเสริมและอนุรักษ์วัฒนธรรมการแต่งกายท้องถิ่นมาตั้งแต่ ปีพ.ศ.2560 เป็นประจำทุกปีและหยุดการทำกิจกรรมมาหลายปีช่วงที่มีสถานการณ์ โควิด-19 เมื่อสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย จึงได้มีการจัดกิจกรรมเมื่อปี พ.ศ.2565 โดยรูปแบบการดำเดินกิจกรรม หาได้มีการปลุกปั่น เพื่อให้เกิดความกระด้างกระเดื่องต่ออำนาจรัฐแต่อย่างใด จึงไม่อาจถือได้ว่าเป็นการรวมตัวเพื่อการกระทำการอันมิชอบด้วยกฎหมายตามที่ถูกแจ้งข้อกล่าวหาแต่อย่างใด
การดำเนินคดีอาญาต่อนักกิจกรรมดังกล่าว พรรคประชาชาติเห็นว่าเป็นการปิดกั้นสิทธิเสรีภาพในการแสดงออกของประชาชน และก่อให้เกิดเงื่อนไขอันเป็นต้นเหตุของปัญหาความขัดแย้งในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้อย่างไม่จบสิ้น ไม่สอดคล้องกับกระบวนการสันติภาพตามที่รัฐบาลโดยนายกรัฐมนตรีได้มีคำสั่ง ที่ 344/66 เพื่อแต่งตั้งคณะพูดคุยสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้ เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน 2566
พรรคประชาชาติจึงขอเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ ที่เกี่ยวข้องกับการแจ้งความดำเนินคดี ได้พิจารณาทบทวนยุติการดำเนินคดี
เพื่อให้เกิดการสร้างบรรยากาศที่ดี สอดคล้องกับแนวนโยบายของรัฐ และนายกรัฐมนตรีที่มีนโยบายการขับเคลื่อนกระบวนการพูดคุยสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้
ตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บนพื้นฐานของความจริงใจ สมัครใจและให้เกียรติ เพื่อให้ปัญหาความมั่นคงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ได้รับการแก้ไขจนเกิดความสงบสันติสุขอย่างยั่งยืน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น