อว - บพท. สานพลังเครือข่ายมหาวิทยาลัยจังหวัดชายแดนใต้ (จชต.) และภาคีองค์กรปกครองส่วน ภูมิภาค ภาคีองค์ปกครองส่วนท้องถิ่น ตลอดจนภาคีภาคประชาสังคมในพื้นที่ร่วมกันสรุปบทเรียนจากอุทกภัยร้ายแรงที่เกิดขึ้นเมื่อเดือนธ.ค.2566 เพื่อออกแบบกลไกมาตรการรับมือภัยพิบัติแบบเบ็ดเสร็จและยั่งยืนร่วมกัน ตามแนวนโยบาย
ดร.กิตติ สัจจาวัฒนา ผู้อำนวยการ หน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนาระดับพื้นที่ (บพท.) กระทรวง การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เปิดเผยว่าผลกระทบจากอุทกภัยครั้งร้ายแรงที่สุดในรอบ 40 ปี ซึ่งเกิดขึ้นในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ ทั้งนราธิวาส ยะลา และปัตตานี เมื่อเดือนธันวาคมปีที่ผ่านมา
มีพื้นที่ประสบภัย 806 หมู่บ้าน 142 ตำบล 25 อำเภอ มีบ้านเรือนประชา ชนได้รับความเสียหายกว่า 9 หมื่น
ครัวเรือน โดยเฉพาะอย่างยิ่งครัวเรือนยากจนและครัวเรือนเปราะบาง ได้รับผลกระทบรุนแรงหนักที่สุด เป็นแรงกระตุ้นให้ บพท. ต่อยอดความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ได้แก่ มหาวิทยา ลัยนราธิวาสราชนครินทร์ มหาวิทยา ลัยราชภัฏยะลา และมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี ในการศึกษาค้นคว้าหาแนวทางฟื้นฟูชีวิต ความเป็นอยู่ของประชาชนที่ประสบภัย และมาตรการที่เหมาะสมกับบริบทพื้นที่ในการรับมือภัยพิบัติ ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตแบบเบ็ดเสร็จและยั่งยืน เพื่อให้ความเสียหายอยู่ในวงจำกัด ซึ่งเป็นไปตามแนวนโยบายของนางสาวศุภมาส อิศรภักดี รมว. อว. ที่มุ่งผลักดันให้มหาวิทยาลัยมีบทบาทในการนำความรู้ไปช่วยเหลือ สังคม ลดช่องว่างความเหลื่อมล้ำ
“ความร่วมมือกันของ บพท. กับมหาวิทยาลัยในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ เพื่อเผชิญภัยพิบัติ ด้วยวิชาความรู้จากงานวิจัย และพลังเครือข่ายภาคีในพื้นที่ ได้เริ่มมาตั้งแต่เกิดอุทกภัยในพื้นที่ ด้วยการประยุกต์งานวิจัยนวัตกรรมไปช่วยเหลือชาวบ้าน ต่อเนื่องมาจนถึงการใช้งานนวัตกรรมช่วยเหลือฟื้นฟูครัวเรือนยากจน ครัวเรือนเปราะบาง และในวันนี้ (22 ม.ค.) เป็นการยกระดับความร่วมมือให้สูงขึ้นและต่อยอดความร่วมมือให้มีขอบเขตกว้างขึ้น ด้วยการจัดเวทีระดมความคิดเห็นร่วมกันที่มหาวิทยา ลัยนราธิวาสราชนครินทร์ จังหวัดนราธิวาส โดยนักวิจัย ตัวแทนภาคีเครือข่ายภาคประชาสังคม องค์กรปกครองส่วนภูมิภาค องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น รวมทั้งนักการเมืองในพื้นที่ มาร่วมแลกเปลี่ยนประสบการณ์ และความคิดเห็นร่วมกัน เพื่อนำไปสู่ชุดความรู้ใหม่ ตลอดจนชุดกลไกมาตรการในการป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยพิบัติที่เป็นรูปธรรม”
ฟื้นฟูเยียวยาประชาชนที่ประสบภัยพิบัติ การพัฒนาชุดข้อมูลพื้นที่เสี่ยงภัยเชื่อมโยงกับระบบข้อมูลครัวเรือน
ยากจน การพัฒนาเครือข่ายอาสาสมัครเผชิญภัยพิบัติ การสร้างเครือข่ายความร่วมมือมหาวิทยาลัยเชิงพื้นที่ในการ
จัดการภัยพิบัติ ทั้งนี้ก็เพื่อขยายผลความรู้จากงานวิจัย ไปสู่การแก้ปัญหาภัยพิบัติให้ได้อย่างรวดเร็ว เบ็ดเสร็จและยั่งยืน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น