พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน หลังเดินทางมาร่วมประชุมเชิงปฏิบัติการขับเคลื่อนการดำเนินงาน ป้องกัน ปราบปราบและแก้ไขยาเสพติด ประจำปีงบประมาณ 2567 จัดโดย สำนักงานคณะกรรมการป้องกัน และปราบปรามยาเสพติด ณ ห้องประชุมสุวิทย์ ศักดานนท์ อาคาร 3 ชั้น 5 โรงแรมทีเค พาเลซ แอนด์ คอนเวนชั่น แจ้งวัฒนะ
โดยได้ให้สัมภาษณ์ต่อผู้สื่อข่าวว่า สิ่งที่เป็นนโยบายหลักของรัฐบาลก็คือ ต้องการเห็นผลในการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ภายใน 1 ปี ว่าการแก้ไขปัญหายาเสพติดต้องได้รับการแก้ไขอย่างจริงจัง และทำให้ประชาชนมีความเชื่อมั่นหรือ เชื่อว่าได้รับการแก้ไขอย่างจริงจัง ก็ต้องยอมรับว่า เมื่อมีกฎหมาย ข้อบังคับ หรือหลักเกณฑ์ออกมา ผู้ค้ายาเสพติด หรือผู้ที่มีผลประโยชน์กับยาเสพติด ก็จะมีการพัฒนาอยู่ตลอดเวลา ถ้าเราไม่มีการประชุมสัมมนา ทำความเข้าใจ เนื่องจากกฎหมายยาเสพติดที่มีอยู่ ถือว่าเป็นกฎหมายที่ในขณะผู้ร่างในสภาผู้แทนราษฎร ไม่มีใครขัดแย้งสักคน และมองว่าเป็นกฎหมายที่ดีที่สุด
ดังนั้นจึงจำเป็นจะต้องทำความเข้าใจ เพราะเราจะเห็นว่า แม้ผู้เชี่ยวชาญในเรื่องของการดำเนินคดีเกี่ยวกับยาเสพติดคดีต่าง ๆ ผู้กระทำความผิดก็จะพัฒนาไปด้วย ดังนั้นเราจึงมีความจำเป็นจะต้องมีการสัมมนา และได้มองเห็นแนวนโยบายที่ได้วางไว้ นำไปสู่การปฏิบัติ อย่างน้อยใน 100 วันแรก ที่จะเริ่มในการปฏิบัติ โดยเริ่มในวันที่ 1 ธ.ค.66 เพื่อให้เห็นการแก้ไขยาเสพติดในทุกมิติ อย่างเป็นรูปธรรม จับต้องได้ ซึ่งขณะนี้ได้รับการตอบรับอย่างน่าพอใจ
โดยใน 100 วันแรก โดยสิ่งแรกก็คือ จะมีการจัดตั้งศูนย์บัญชาการ สกัดกั้นปราบปรามยาเสพติด สารตั้งต้น และเคมีภัณฑ์ เพื่อไม่ให้ยาเสพติดเข้ามาในประเทศ เรื่องที่ 2 ก็คือ จะมีการประสานงานด้านการข่าวกับประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อเป็นเอกภาพในการสกัดกั้น โดยกำหนดพื้นที่ ซึ่งขณะนี้ ก็คือ 15 อำเภอ ก็คือ ภาคเหนือ 11 อำเภอ และ ภาคอีสาน 4 อำเภอ ถ้าเราได้มีการสกัดกั้นตามพื้นที่เหล่านี้ หวังว่า ยาเสพติดจะเล็ดลอดเข้ามาได้น้อย หรือไม่สามารเข้ามาได้เลย ซึ่งในการสกัดกั้นเราต้องใช้กำลังทหาร ตำรวจ และ พลเรือน พร้อมทั้งปลุกประชาชนให้เป็นนักต่อสู้ไม่ให้ยาเสพติดเข้ามาได้
ส่วนที่สำคัญอีกประการหนึ่งก็คือ ขั้นตอนการลำเลี่ยงยาเสพติด ถ้ามีข้าราชการหรือผู้มีมีส่วนเกี่ยวข้องจะต้องมีมาตรการดำเนินคดีกับบุคคลเหล่านี้อย่างจริงจัง และเด็ดขาด โดยเราจะใช้ข้อมูลของทาง ปปส. และสุดท้ายกำไรจากการขายยาเสพติด ซึ่งสูงมาก มันจูงใจ เราต้องใช้มาตรการด้านทรัพย์สิน โดยการยึดทรัพย์ ในการดำเนินคดี และการฟอกเงิน ทั้งในและต่างประเทศ และถือว่าเป็นคดีอาชญากรรมระหว่างประเทศ และในบางเรื่องก็อาจจะต้องใช้กฎหมาย ของกรมสวบสวนพิเศษ เข้ามาร่วมในการดำเนินคดีต่อผู้กระทำความผิด
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น