วันนี้ (2 ก.ย.66) เวลา 09:00 น. นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา พร้อมด้วย นายสุไลมาน บือแนปีแน สมาชิกสภาผู้แทนราษฏร ยะลา เขต 1 พรรคประชาชาติ ร่วมเป็นเกียรติในงานระดมทุน “กองทุนวากัฟผลบุญเหลือคณานับและสังคมอยู่ดี” โดยความร่วมมือของฝ่ายวิชาการ การศึกษา และการบริหารกองทุนวากัฟ คณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย ร่วมกับคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดยะลา จัดขึ้นที่สนามโรงพิธีช้างเผือกเทศบาลนครยะลา จังหวัดยะลา โดยมี ดร.สะมะแอ ฮารี ประธานคณะกรรมการอิสลามจังหวัดยะลา , พล.ต.ต.สุรินทร์ ปาลาเร่ เลขาธิการคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย และ ดร.วิสุทธิ์ บิลล่าเต๊ะ กรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย ให้การต้อนรับ
ก่อนเปิดพิธีมีการอัญเชิญพระมหาคัมภีร์อัลกุรอาน และการแสดงการขับร้องเพลงอะนาชีด โอกาสนี้ทางคณะผู้จัดงานได้จัดกิจกรรมแสดงความยินดีต่อนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ในโอกาสที่ได้รับโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นประธานสภาผู้แทนราษฏรด้วย โดยมีกลุ่มองค์กร ชมรม สมาคมจำนวนมาก มอบดอกไม้และของที่ระลึกเพื่อแสดงความยินดีอย่างอบอุ่น
นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ได้รับเชิญกล่าวโอวาท โดยกล่าวตอนหนึ่งว่า “ขอแสดงความยินดีกับกองทุนวากัฟ ที่ได้จัดงานเพื่อสมทบทุนกองทุนวากัฟเพื่อการศึกษาและอื่นๆ ซึ่งผมถือว่าเป็นเรื่องที่สำคัญยิ่ง เพราะหลักการที่สำคัญของศาสนาอิสลามนั้น คือการเชิญชวนบรรดาผู้ศรัทธาเป็นผู้ให้ เป็นผู้บริจาค ในอิสลามบอกว่ามือบนย่อมสำคัญกว่ามือล่าง แต่บทบัญญัตินี้เรามักจะไม่ได้นำมาใช้เป็นประโยชน์แก่บรรดามวลประชาชาติทั้งหลาย เพราะเรามักจะคิดว่า เราไม่ได้ร่ำรวย ควรจะเป็นผู้รับมากกว่าเป็นผู้บริจาค แต่การบริจาคนั้นไม่ได้กำหนดให้เฉพาะผู้ที่มั่งมีเท่านั้น เพราะการบริจาคแค่บาทเดียวก็ถือเป็นการให้ จะให้ 10 บาท 100 บาทหรือเท่าไรก็ตาม พระผู้เป็นเจ้าจะตอบแทนอย่างมากแก่พวกเรา เราให้วันนี้แต่ไม่รู้ว่าพระเจ้าจะตอบแทนเราเมื่อไร แต่แน่นอนว่าสัญญาของพระเจ้านั้นเป็นสัจจริงเสมอ ผมได้พิสูจน์ด้วยตัวเอง บางทีก่อนที่จะบริจาค รู้สึกเสียดายเงินเรามีอยู่แค่นี้ ถ้าบริจาคไปเงินจะน้อยลงถ้าเก็บไว้ใช้ดีกว่า ความรู้สึกอย่างนี้คือความรู้สึกของซาตาน การบริจาคนั้นเสมือนเป็นการต่อสู้เหมือนกัน ระหว่างคำสอนของพระเจ้ากับคำยุยงของซาตาน ถ้าเราได้บริจาคในวันนี้ ถือว่าเราได้ชนะซาตานแล้ว ถ้าพูดถึงมุสลิมในประเทศไทยที่มีความสามารถบริจาคได้ น่าจะมีไม่ต่ำกว่า 5 ล้านคน ถ้าบริจาคคนละ 10 บาทก็ได้ 50 ล้านบาทแล้ว”
นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ได้พูดเปิดใจบนเวทีด้วยความสัจจริงว่า “ด้วยความเมตตาของพระผู้เป็นเจ้า ผมเพิ่งมารู้ว่าต้องรับตำแหน่งประธานรัฐสภาในเวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมงก่อนเวลาประชุมสภาฯ เราไม่ได้ตั้งพรรคประชาชาติมาเพื่อจะเอาตำแหน่งอะไร แต่ด้วยความจำเป็นของสถานการณ์บ้านเมือง ผมไม่ได้เก่งอะไร แต่เขาต้องการผู้อาวุโสที่มีประสบการณ์ มาทำหน้าที่ให้บ้านเมืองสามารถฝ่าอุปสรรคเลือกนายกรัฐมนตรีต่อไปได้ ผมขอกล่าวด้วยลิลลาห์จริงๆ (ด้วยพระนามของพระเจ้า) ว่าไม่เคยคิดเคยฝันว่าต้องมาเป็นประธานสภาฯอีกครั้ง แต่ก็ต้องรับไว้ด้วยความประสงค์ของพระเจ้า และประการที่สองด้วยความเมตตาของบรรดากรรมการอิสลามและอิหม่ามทั้งหลายที่ได้ขอดุอาอ์ให้ผมประสบความสำเร็จอย่างนั้นอย่างนี้ ผมจึงชนะการเลือกตั้งทุกครั้งมา แม้พรรคประชาชาติจะเป็นพรรคเล็กๆก็ได้ สส.เพิ่มขึ้น จาก 7 คนเป็น 9 คน นี่ก็เป็นผลมาจากการขอดุอาอ์ของพวกเรา ผมไปประชุมสมัชชารัฐสภาอาเซียน (AIPA) บรรดาประธานรัฐสภาทั้งมาเลเซีย บรูไน สิงคโปร์ แม้กระทั่งลาวและเวียดนาม เขาประหลาดใจที่ผมอายุ 79 ปีแล้ว มาจากพรรคเล็กๆมาเป็นประธานสภาครั้งที่สองได้อย่างไร ทั้งอินโดนีเซีย โมร็อกโก ก็แสดงความยินดีกับผมแล้วบอกว่าประเทศไทยมีบุญนะ มีมุสลิมไม่ถึง 10% แต่ได้เป็นประธานรัฐสภาของประชาชน 70 ล้านคน”
วันมูหะมัดนอร์มะทา #ประธานรัฐสภา #ประธานสภาผู้แทนราษฏร #วากัฟ
https://www.facebook.com/100094513767663/posts/148142961679495/?mibextid=cr9u03
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น