พิษณุโลก พายุลม-ฝุ่นกระจาย เก้าอี้นั่งฟังปราศรัยปลิวว่อน สมัคร สส. เขต 2 “ว่าที่ร้อยตรีอิทธิพล บุบผะศิริ”ขึ้นเวทีแค่ 10 นาที บอกคงไม่ต้องเปิดเวที 2 ซ้ำ ต้องเดินหน้าเปิดเวทีแห่งอื่นต่อไป บ่น ลมแรง ยังไม่ทันแจงนโยบายภูมิใจไทย ต้องปิดเวทีเสียก่อน เชื่อชาวบ้านจำเบอร์ 3 ได้แล้ว
เบอร์อะไร ๆ ๆ ๆๆ เบอร์ 3 กระฉ่อนในโซเซียล”ป๊อก บนติ๊กตอก”ตั้งแต่ค่ำวานนี้ 23 เม.ย.66 ยอดคนดูล่าสุดทะลุ 30 K และคอมเมนท์อีกหลายคน ระบุในคลิปว่า เป็นเสียงอดีตนายอำเภอ ปัจจุบัน คือ ผู้สมัครพรรคภูมิใจไทย เขต 2 พิษณุโลก ตะโกนลั่น ให้มวลชนเร่งตอบ และให้จำเบอร์ 3 ให้ได้ เนื่องจากต้องรีบปิดฉากเวทีปราศรัยหาเสียงเลือกตั้ง ที่ตัวผู้สมัครขึ้นเวทีพูดเพียง 10 นาที ชาวบ้านก็แตกตื่น เพราะพายุฤดูร้อนพัดฝุ่นอย่างแรง หลายคนลุกจากเก้าอี้หน้าเวทีปราศรัยอย่างเร่งรีบโกลาหล ฉวยจังหวะ รีบกลับบ้านไปดูบ้านเรือนตัวเองดีกว่าปราศรัย ทว่าคนที่ออกอาการ ซึมๆ ไม่กี่คน น่าจะเป็น ว่าที่ ร.ต.อิทธิพล บุบผะศิริ ผู้สมัครพรรคภูมิใจไทยเขต 2 กับแฝดผู้พี่ซึ่งขึ้นเวทีพูดยังไม่ทันจบ
เหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นเมื่อเวลา 17.00 น.วานนี้ 23 เมษายน ที่บริเวณสนาม โรงเรียน เตรียมอุดมศึกษา ต.หัวรอ อ.เมือง จ.พิษณุโลก ว่าที่ร้อยตรีอิทธิพล บุบผะศิริ ผู้สมัครพรรคภูมิใจไทยเขต 2 จังหวัดพิษณุโลก พร้อมด้วย พันโทจักรกริช บุบผะศิริ ข้าราชการบำนาญ ซึ่งเป็นพี่ชายฝาแฝด ซึ่งทั้งสองคนแต่งกายเหมือนกันขึ้นเวกำลังหาเสียง ทีมีชาวบ้านหลายแห่งรับฟังร่วมพันคน
ว่าที่ร้อยตรีอิทธิพล บุบผะศิริ ผู้สมัครเบอร์ 3 พรรคภูมิใจไทยเขต 2 จังหวัดพิษณุโลก เปิดเผยว่า เสียดายลมพายุฤดูร้อน หอบฝุ่นมาบริเวณที่จุดปราศรัยทำให้ชาวบ้านแตกตื่น จึงต้องปิดการปราศรัยทันที ณ.วันนี้ คงไม่ต้องเปิดเวทีซ้ำอีก ต้องไปลุยเปิดเวทีข้างหน้าต่อไป เชื่อว่า ชาวบ้านจำเบอร์ 3 ได้แล้ว สิ่งที่ขาดไป ตนไม่ได้พูด ก็คือ พูดนโยบายพรรคภูมิใจไทยอีกมาก อาทิ เงินเบี้ยยังชีพที่ผู้สูงอายุ, การลดรายจ่ายเพื่อเพิ่มรายได้ด้วยการติดตั้งแผงโซลาเซลล์, เครื่องฟอกไตและรักษาโรคมะเร็งฟรีฯลฯ
และอยากบอกชาวบ้านว่า ตนที่ลงสมัคร ส.ส.ครั้งนี้ ก็เพราะอยากเห็นความเป็นอยู่ของชาวบ้านดีขึ้น อยากเห็น อ.พรหมพิราม ควรพัฒนาได้ดีกว่านี้ ไม่ควรถูกทอดทิ้ง ระบบชลประทานต้องดี เนื่องจากชาวบ้านส่วนใหญ่ทำนา หากได้เป็นผู้แทน จะทำทันทีไม่มีสร้างภาพ พูดแล้วทำ
อนึ่ง ว่าที่อิทธิพล บุบผะศิริ ผู้สมัครเขต 2 ภูมิใจไทย ถือว่า มาจากครอบครัวยากจน ดิ้นรนไปเรียนที่กรุงเทพฯ โดยกินนอนอยู่ที่วัด เรียนจบปริญญาตรีในสายกฎหมาย เป็นปลัดอำเภอและนายอำเภออยู่หลายแห่ง อาทิ อ.พรหมพิรามและอำเภอพิษณุโลกกระทั่งเกษียณอายุราชการ นั่งเป็นรองนายก อบจ.พิษณุโลกก่อนลงการเมืองสนามใหญ่ คาดว่า เข้าใจปัญหาของชาวบ้านได้ดี
/ป๊อกกองปราบ ภาพ-ข่าว/
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น