วันพฤหัสบดีที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2566

ประธานสมาคมแม่บ้านทหารบก สาขากองทัพภาคที่ 3 เยี่ยมเยือนและทำกิจกรรมในพื้นที่ จ.อุตรดิตถ์ และ จ.แพร่


ประธานสมาคมแม่บ้านทหารบก สาขากองทัพภาคที่ 3 เยี่ยมเยียนกิจกรรมการดำเนินงานของสมาคมแม่บ้านทหารบก สาขากองทัพภาคที่ 3 ในพื้นที่ จังหวัดอุตรดิตถ์ และจังหวัดแพร่


วันที่ 29 มีนาคม 2566 เวลา 09.30 น. ที่ ค่ายพิชัยดาบหัก อำเภอเมือง จังหวัดอุตรดิตถ์ คุณ กันต์ฤทัย เอี่ยมสุโร ประธานสมาคมแม่บ้านทหารบก สาขากองทัพภาคที่ 3 เยี่ยมเยียนกิจกรรมการดำเนินงานของสมาคมแม่บ้านทหารบก สาขากองทัพภาคที่ 3 ในพื้นที่ จังหวัดอุตรดิตถ์ ตามโครงการหลักต่าง ๆ ของสมาคมแม่บ้านทหารบก เพื่อติดตามความคืบหน้าในการดำเนินการ เรื่อง การดูเเลคุณภาพชีวิตของกำลังพล เเละครอบครัว ตามนโยบาย ของ นายกสมาคมเเม่บ้านทหารบก ตลอดจน รับทราบปัญหา รวมถึงข้อเสนอแนะต่าง ๆ ของหน่วยมณฑลทหารบกที่ 35, กรมทหารม้าที่ 2, กองพันทหารม้าที่ 7 กรมทหารม้าที่ 2, กองพันทหารปืนใหญ่ที่ 20 กรมทหารปืนใหญ่ที่ 21


จากนั้น เดินทางไปเยี่ยมเยียนกิจกรรมการดำเนินงานของสมาคมแม่บ้านทหารบก สาขา กองพันทหารม้าที่ 12 กองพลทหารม้าที่ 1 เพื่อติดตามความคืบหน้าในการดำเนินงานของสมาคมแม่บ้านทหารบก สาขา กองพันทหารม้าที่ 12 กองพลทหารม้าที่ 1 ณ ค่ายพระยาไชยบูรณ์ อำเภอเด่นชัย จังหวัดแพร่





วันพุธที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2566

พิษณุโลก ป.ป.ช.ฟันวินัย-อาญา อดีตนายกเทศมนตรี-ปลัดเนินกุ่มกับพวก

 พิษณุโลก ป.ป.ช."ฟัน" วินัย-อาญา อดีตนายกเทศมนตรี-ปลัดเนินกุ่ม กับพวก 5 คน เบิกเท็จ

วันที่ 29 มีนาคม 2566 ที่ห้องสมุดประชาชนเทศบาลนครพิษณุโลก นายสมยศ กาสี ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริต (ป.ป.ช.) ประจำจังหวัพิษณุโลก แถลงข่าวสื่อมวลชนว่า คณะกรรมการป.ป.ช.มีมติที่มูลความผิดนางสนม ชาชาวนา เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรีตำบลเนินกุ่ม อำเภอบางกระทุ่ม จังหวัดพิษณุโลก กับพวก รวม 5 คน เบิกจ่ายเงินโครงการฝึกอบรมและทัศนศึกษาดูงานผู้บริหาร สมาชิกสภาเทศบาล พนักงานเทศบาลลูกจ้างประจำ และพนักงานจ้างของเทศบาลตำบลเนินกุ่ม ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 เป็นเท็จ

โดยมีพฤติการณ์กระทำความผิด เทศบาลตำบลเนินกุ่ม อำเภอบางกระทุ่ม จังหวัดพิษณุโลก ดำเนินการศึกษาดูงานโครงการฝึกอบรมและทัศนศึกษาดูงาน  ผู้บริหาร สมาชิกสภาเทศบาล พนักงานเทศบาล ลูกจ้างประจำ และพนักงานจ้างของเทศบาลตำบลเนินกุ่มประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 จังหวัดชลบุรี และจันทบุรี ระหว่างวันที่ 25 – 27 กันยายน 2560 ผู้เข้าร่วมโครงการ รวม 79 คน ภายในวงเงินงบประมาณ 200,000 บาท (สองแสนบาทถ้วน) กำหนดการมีรายละเอียด ดังนี้


วันที่ 25 กันยายน 2560 จัดอบรมให้ความรู้ด้านวิชาการที่ห้องประชุมของสำนักงานเทศบาลตำบลเนินกุ่ม ชั้น 3 กำหนดการจัดอบรม ตั้งแต่เวลา 08.00 – 17.00 น. โดยภาคเช้าเป็นการบรรยายให้ความรู้  เรื่องการรับรู้ข้อมูลข่าวสาร ตามพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของทางราชการ พ.ศ. 2540 และกระบวนการมีส่วนร่วมการสร้างความเข้มแข็งและการแก้ปัญหาความขัดแย้งในชุมชนภาคบ่ายเป็นการบรรยายเรื่องแนวคิดและหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงและการดำเนินการตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง        

วันที่ 26 – 27 กันยายน 2560 กำหนดให้เดินทางไปศึกษาดูงานนอกสถานที่ ที่จังหวัดชลบุรีและจังหวัดจันทบุรี

โดยมีการเบิกค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการ จำนวน 9 รายการ ดังนี้ 

1. ค่าอาหารวันอบรม (วันที่ 25 กันยายน 2560) จำนวน 1 มื้อ มื้อละ 75 บาท จำนวน 79 คน เป็นเงิน 5,925 บาท

 2. ค่าอาหารว่างและเครื่องดื่มวันอบรม (วันที่ 25 กันยายน 2560) จำนวน 2 มื้อ มื้อละ 25 บาท จำนวน 79 คน  เป็นเงิน 3,950 บาท

 3. ค่าสมนาคุณวิทยากร จำนวน 6 ชั่วโมง ชั่วโมงละ 600 บาท เป็นเงิน 3,600 บาท

 4. ค่าสมนาคุณในการดูงาน 2 แห่ง แห่งละ 1,500 บาท เป็นเงิน 3,000 บาท

5. ค่าอาหารวันศึกษาดูงาน 2 วัน วันละ 300 บาท จำนวน 79 คน เป็นเงิน 47,400 บาท

6. ค่าเช่าที่พัก จำนวน 1 คืน จำนวน 79 คน คนละ 750 บาทต่อคืน เป็นเงิน 59,250 บาท

7. ค่าจ้างเหมารถโดยสารปรับอากาศ จำนวน 2 คัน คันละ 35,000 บาท เป็นเงิน 70,000 บาท

8. ค่าวัสดุ เอกสาร ประกอบการฝึกอบรมและใช้ในโครงการ เป็นเงิน 1,580 บาท

9. ค่าป้ายประชาสัมพันธ์โครงการ จำนวน 1 ป้าย เป็นเงิน 675 บาท

รวม 195,380  บาท (หนึ่งแสนเก้าหมื่นห้าพันสามร้อยแปดสิบบาทถ้วน)


จากการไต่สวนข้อเท็จจริง สรุปได้ว่าในการดำเนินการโครงการฝึกอบรมและทัศนศึกษาดูงาน ผู้บริหาร สมาชิกสภาเทศบาล พนักงานเทศบาล ลูกจ้างประจำ และพนักงานจ้างของเทศบาลตำบลเนินกุ่ม ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 ที่จังหวัดชลบุรี และจันทบุรี ระหว่างวันที่ 25 – 27 กันยายน 2560 นั้น มีการจัดทำเอกสารประกอบการเบิกจ่ายเงินเป็นค่าวัสดุอุปกรณ์ ค่าอาหาร ค่าอาหารว่างและเครื่องดื่ม ที่ใช้ในการอบรมในวันที่ 25 กันยายน 2560 เป็นเท็จ เนื่องจากในวันที่ 25 กันยายน 2560 ไม่มีการแจกวัสดุอุปกรณ์ที่อ้างว่าจัดซื้อจากร้าน 99 เครื่องเขียน และไม่มีการจัดเลี้ยงอาหาร อาหารว่างและเครื่องดื่ม อีกทั้งไม่มีการจัดซื้อวัสดุอุปกรณ์และไม่มีการจัดจ้างประกอบอาหาร อาหารว่างและเครื่องดื่ม ตามที่ปรากฏในเอกสารประกอบการเบิกจ่ายจริง แต่เป็นการจัดทำเอกสารประกอบการเบิกจ่ายให้เชื่อว่ามีการจัดซื้อ จัดจ้าง ถูกต้องครบถ้วน และใช้เป็นเอกสารประกอบการเบิกจ่ายเงินในโครงการฯ เพื่อขออนุมัติเบิกจ่ายเงินในโครงการฯ และเป็นการจัดทำเอกสารประกอบการเบิกจ่าย และจัดทำฎีกาเบิกจ่ายเงินโครงการฯ ขึ้นล่วงหน้าก่อนที่จะมีการจัดอบรม การกระทำดังกล่าวเป็นเหตุ  ให้เทศบาลตำบลเนินกุ่ม ได้รับความเสียหาย


คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้มีมติในการประชุมครั้งที่ 16/2566 เมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2566 ได้พิจารณาสำนวนการไต่สวนข้อเท็จจริงดังกล่าวแล้ว มีมติ ดังนี้                     

 นางสนม  ชาชาวนา เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรีตำบลเนินกลุ่ม ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 มีมูลความผิดทางอาญาฐานเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใด ๆ ใช้อำนาจในตำแหน่งโดยทุจริต อันเป็นการเสียหายแก่รัฐ เทศบาล สุขาภิบาลหรือเจ้าของทรัพย์นั้น และฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 และมาตรา 157 และมีมูลความผิดฐานปฏิบัติการฝ่าฝืนต่อความสงบเรียบร้อยหรือสวัสดิภาพของประชาชน ละเลยไม่ปฏิบัติตามหรือปฏิบัติการไม่ชอบด้วยอำนาจหน้าที่หรือมีความประพฤติในทางจะนำมาซึ่งความเสื่อมเสียต่อศักดิ์ตำแหน่ง หรือแก่เทศบาล หรือแก่ราชการ ตามพระราชบัญญัติเทศบาล พ.ศ. 2496 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 73

 นายกันต์ชัย สนแย้ม ปลัดเทศบาลตำบลเนินกลุ่ม ผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 และนายณัฐนนท์ วงชื่น เจ้าพนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ผู้ถูกกล่าวหาที่ 4 มีมูลความผิดทางอาญาฐานเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใด ๆ ใช้อำนาจในตำแหน่งโดยทุจริต อันเป็นการเสียหายแก่รัฐ เทศบาล สุขาภิบาลหรือเจ้าของทรัพย์นั้น ฐานเป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต และฐานเป็นเจ้าพนักงาน  มีหน้าที่ทำเอกสาร รับเอกสาร หรือกรอกข้อความลงในเอกสาร กระทำการรับรองเป็นหลักฐานว่าตนได้กระทำการอย่างใดขึ้นหรือว่าการอย่างใดได้กระทำต่อหน้าตนอันเป็นความเท็จ และรับรองเป็นหลักฐาน ซึ่งข้อเท็จจริงอันเอกสารนั้นมุ่งพิสูจน์ความจริงอันเป็นความเท็จ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 มาตรา 157 และมาตรา 162 (1) (4)                

มีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรงฐานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้ตนเองหรือผู้อื่นได้ประโยชน์ที่มิควรได้ อันเป็นการทุจริตต่อหน้าที่ราชการและไม่ปฏิบัติหน้าที่ให้เป็นไปตามกฎหมาย กฎ ระเบียบของทางราชการ    มติคณะรัฐมนตรีและนโยบายของรัฐบาล ตามประกาศคณะกรรมการพนักงานเทศบาลจังหวัดพิษณุโลก (ก.ท.จ.พิษณุโลก) เรื่อง หลักเกณฑ์และเงื่อนไขเกี่ยวกับวินัย และการรักษาวินัยและการดำเนินการทางวินัย พ.ศ. 2559 ลงวันที่ 19 มกราคม 2559 ข้อ 7 และข้อ 10

นางสาวมณีรัตน์ ปิตกาญจนกุล รองปลัดเทศบาลตำบลเนินกุ่ม ผู้ถูกกล่าวหาที่ 3 มีมูลความผิดทางอาญาฐานเป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่   ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต และฐานเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ทำเอกสารรับเอกสาร   หรือกรอกข้อความลงในเอกสาร กระทำการรับรองเป็นหลักฐานว่าตนได้กระทำการอย่างใดขึ้น หรือว่าการอย่างใด ได้กระทำต่อหน้าตนอันเป็นความเท็จ และรับรองเป็นหลักฐานซึ่งข้อเท็จจริงอันเอกสารนั้นมุ่งพิสูจน์ความจริงอันเป็นความเท็จ และ    ฐานเป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใด ๆ ใช้อำนาจในตำแหน่งโดยทุจริต อันเป็นการเสียหายแก่รัฐ เทศบาล สุขาภิบาลหรือเจ้าของทรัพย์นั้น ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และมาตรา 162 (1) (4) และมาตรา 151 ประกอบมาตรา 86                 

มีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรงฐานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้ตนเองหรือผู้อื่นได้ประโยชน์ที่มิควรได้ อันเป็นการทุจริตต่อหน้าที่ราชการและไม่ปฏิบัติหน้าที่ให้เป็นไปตามกฎหมาย กฎ ระเบียบของทางราชการ  มติคณะรัฐมนตรีและนโยบายของรัฐบาล ตามประกาศคณะกรรมการพนักงานเทศบาลจังหวัดพิษณุโลก (ก.ท.จ.พิษณุโลก)    เรื่อง หลักเกณฑ์และเงื่อนไขเกี่ยวกับวินัย และการรักษาวินัย และการดำเนินการทางวินัย พ.ศ. 2559 ลงวันที่ 19 มกราคม  2559 ข้อ 7 และข้อ 10

นางสาวขวัญพัฒน์  ประจงสีละวัฒน์ หรือจันทะพาหะ นักจัดการงานทะเบียนและบัตร ผู้ถูกกล่าวหาที่ 5  มีมูลความผิดทางอาญาฐานเป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่   ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต และฐานเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ทำเอกสาร รับเอกสารหรือกรอกข้อความ      ลงในเอกสาร กระทำการรับรองเป็นหลักฐานซึ่งข้อเท็จจริงอันเอกสารนั้นมุ่งพิสูจน์ความจริงอันเป็นความเท็จ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และมาตรา 162 (4)                

มีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรงฐานไม่ปฏิบัติหน้าที่ราชการด้วยความอุตสาหะ เอาใจใส่ รักษาประโยชน์ของทาราชการ และประมาทเลินเล่อในหน้าที่ราชการอันเป็นเหตุให้เสียหายแก่ราชการอย่างร้ายแรง ตามประกาศคณะกรรมการพนักงานเทศบาลจังหวัดพิษณุโลก (ก.ท.จ.พิษณุโลก) เรื่อง หลักเกณฑ์และเงื่อนไขเกี่ยวกับวินัยและการรักษาวินัย และการดำเนินการทางวินัย พ.ศ. 2559 ลงวันที่ 19 มกราคม 2559 ข้อ 9 วรรคหนึ่ง และวรรคสอง

นางสาวจรรย์ณธร  เจริญภาพ พนักงานจ้างตามภารกิจ  ผู้ถูกกล่าวหาที่ 6 ไม่ปรากฏพยานหลักฐานเพียงพอที่จะฟังได้ว่าได้กระทำความผิดตามที่กล่าวหา ข้อกล่าวหาไม่มีมูลให้ข้อกล่าวหาตกไป                                     

โดยให้กันนางสาวสุพรรณิการ์ ตุ้มประสิทธิ์ พนักงานจ้างตามภารกิจ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 7 ไว้เป็นพยาน  โดยไม่ดำเนินคดี ตามประกาศคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติเรื่องหลักเกณฑ์วิธีการและเงื่อนไขในการ   กันบุคคลไว้เป็นพยาน โดยไม่ดำเนินคดี พ.ศ. 2561 ข้อ 13 วรรคหนึ่ง ให้ส่งรายงาน สำนวนการไต่สวน เอกสารหลักฐาน สำเนาอิเล็กทรอนิกส์ และคำวินิจฉัยไปยังอัยการสูงสุด เพื่อดำเนินคดีอาญาในศาลซึ่งมีเขตอำนาจพิจารณาพิพากษาคดี กับนางสนม  ชาชาวนา นายกันต์ชัย  สนแย้ม นางสาวมณีรัตน์  ปิตกาญจนกุล นายณัฐนนท์ วงค์ชื่น และนางสาวขวัญพัฒน์ประจงสีละวัฒน์ หรือจันทะพาหะ ส่งรายงาน สำนวนการไต่สวน เอกสารหลักฐาน และคำวินิจฉัยไปยังผู้บังคับบัญชา เพื่อพิจารณาโทษทางวินัยกับนายกันต์ชัย สนแย้ม นางสาวมณีรัตน์ ปิตกาญจนกุล นายณัฐนนท์ วงค์ชื่น และนางสาวขวัญพัฒน์ ประจงสีละวัฒน์ หรือจันทะพาหะ และส่งสำนวนการไต่สวน และเอกสารหลักฐานพร้อมความเห็นไปยัง ผู้มีอำนาจแต่งตั้งถอดถอนเพื่อดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจกับนางสนมชาชาวนาตามฐานความผิดดังกล่าวตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 91 (1) (2) และมาตรา 98 แล้วแต่กรณีต่อไป และให้แจ้งผลการพิจารณาของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ให้สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ทราด้วย  

ทั้งนี้ ให้แจ้งผู้บังคับบัญชาดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจเพื่อให้มีการชดใช้ค่าเสียหายตามพระราชบัญญัติความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ. 2539

☆☆ การชี้มูลความผิดทางอาญาของคณะกรรมการ ป.ป.ช.ยังไม่ถือเป็นที่สุด ผู้ถูกกล่าวหายังเป็นผู้บริสุทธิ์จนกว่าจะมีคำพิพากษาของศาลอันถึงที่สุด ☆☆


พิษณุโลก "บวรเดช-ปาล์ม" ผันงบสร้างสะพานข้ามแม่น้ำน่านแห่งใหม่ เล็งฟื้น "อุโมงค์จุดกลับรถ" หน้าโรงเรียนชาย

 

พิษณุโลก “บวรเดช–ปาล์ม” ผันงบ 37.5 ล้านบาท ปี66สร้างสะพานข้ามแม่น้ำน่านแห่งใหม่ เชื่อม ต.พลายชุมพลถึง ต.หัวรอ คาดอีก 810 วันสร้างเสร็จ เล็งฟื้น "อุโมงค์ จุดกลับรถ”หน้าโรงเรียนพิษณุโลกพิทยาคมอีก

 

วันนี้ 29 มี.ค.66 นายบวรเดช หล้าแหล่ง ว่าที่ผู้สมัครพรรคภูมิใจไทยเขต 1 เปิดเผยว่า ตนในฐานะที่ปรึกษา นายอนุทิน ชาญวีรกูล (รก.)รองนายกรัฐมนตรี ได้รับการประสานกระทรวงคมนาคม กรมทางหลวงชนบท (ทช.)ของบปี66สร้างสะพานแม่น้ำน่านแห่งใหม่ ต.พลายชุมพล อ.เมือง ความยาว 160 เมตร กว้าง 9 เมตร มีทางเท้ากว้างข้างละ 1 เมตร งบก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำน่าน 37.5 ล้านบาท ระยะเวลาก่อสร้าง 810 วัน นับว่าป็นการเชื่อมพื้นที่ ต.พลายชุมพล ถึง ต.หัวรอ อ.เมือง ให้ประชาชนใช้สัญจร ล่าสุด ผู้รับเหมาได้ดำเนินการสำรวจเจาะชั้นดิน เพื่อก่อสร้างตอม่อสะพานจำนวน 3 หลุมแล้ว  


นายบวรเดช (ปาล์ม) เปิดอีกเผยว่า พรรค”ภูมิใจไทย”ให้โอกาสพัฒนาเมืองพิษณุโลก จากที่ตนทำงานการเมืองมานาน นับแต่เลือกตั้งทั่วไปครั้งที่แล้ว เพียงแต่ยังไม่ได้รับโอกาส ตนลงพื้นที่รับฟังปัญหาจากคนในเขตเทศบาลนครพิษณุโลก และอีก 9 ตำบล ทราบปัญหาหลายอย่าง อาทิ เตรียมปัดฝุ่นโครงการ”ก่อสร้างอุโมงค์ จุดกลับรถ”ถนนหลวง 126 หน้าโรงเรียนพิษณุโลกพิทยาคม (รร.ชายแห่งใหม่)ให้เกิดขึ้นอีกครั้ง หลังจากถูกพับโครงการ 35 ล้านบาท(แขวงทางหลวง พล.ที่ 1) ไปก่อนหน้านี้เพราะมีการเลื่อนจุดงานก่อสร้าง 

อย่างไรก็ตาม ตนสนับสนุนโปรเจ็กต์สร้าง”เขื่อนบางกระทุ่ม”งบ 1 พันล้านของ สส.นิยม ช่างพินิจ ว่าที่ผู้สมัครพรรคภูมิใจไทย เขต 4 แถบ ต.สนามคลี อ.บางกระทุ่ม เพื่อทำให้ระดับน้ำจะสูงขึ้น น้ำน่านจะนิ่ง ใส รักษาระดับน้ำไม่ให้ตลิ่งทรุด ดึงน้ำเข้าสู่โรงประปา ต.หัวรอ บำบัดน้ำให้สะอาด ไร้ขุ่นตะกอนได้

TCEB จัดโรดโชว์โครงการ "ประชุมเมืองไทย เร่งสร้างเศรษฐกิจไทย" เยือนพิษณุโลก

 


ทีเส็บ จัดโรดโชว์โครงการ ‘ประชุมเมืองไทย เร่งสร้างเศรษฐกิจไทย’ เยือนพิษณุโลก ชวนผู้ประกอบการไมซ์สมัคร Thai MICE Connect แพลตฟอร์มรวมบริการไมซ์ เชื่อมโยง Buyer-Seller ครบจบในที่เดียว

 วันที่ 29 มีนาคม 2566 เวลา 9.00 น. ณ ห้องวังธารา โรงแรม ดิอิมพีเรียล โฮเทล แอนด์ คอนเวนชั่น เซ็นเตอร์ พิษณุโลก นายทรงพล วิชัยขัทคะ รองผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก เป็นประธานเปิดงาน โดย ทีเส็บ' ได้เปิดตัวโครงการ “ประชุมเมืองไทย เร่งสร้างเศรษฐกิจไทย” ให้งบสนับสนุนองค์กร จัดประชุมและการเดินทางเพื่อเป็นรางวัลภายในประเทศจำนวน 1,000 กลุ่ม หวังสร้างรายได้กว่า 100 ล้านบาท จัดโรดโชว์ปลายทางเมืองไมซ์ซิตี้ทั่วประเทศ กระตุ้นตลาดไมซ์ในประเทศ ช่วยฟื้นเศรษฐกิจไทย ณ โรงแรมดิ อิมพีเรียล โฮเทล แอนด์ คอนเวนชั่น เซ็นเตอร์ พิษณุโลก จังหวัดพิษณุโลก

คุณสุวัชชัย นิมมานเทวินทร์ ผู้อำนวยการ สำนักส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ ภาคกลาง กล่าวว่า “ทีเส็บได้ให้การสนับสนุนหน่วยงาน หรือองค์กรที่ดำเนินการจัดประชุมองค์กรและการเดินทางเพื่อเป็นรางวัลในประเทศอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ปี 2563 โดยในปี 2566 นี้ ทีเส็บได้เดินหน้าให้การสนับสนุนต่อภายใต้ชื่อโครงการ “ประชุมเมืองไทย เร่งสร้างเศรษฐกิจไทย” เพื่อเร่งกระตุ้นนักเดินทางไมซ์และสร้างเศรษฐกิจภายในประเทศ โดยใช้กลไกการสนับสนุนเป็นตัวขับเคลื่อนให้เกิดการจัดงานไมซ์ทั่วประเทศเพิ่มขึ้น ทั้งยังเป็นการกระจายรายได้ไปสู่ทุกภูมิภาคอีกด้วย พร้อมกันนี้ยังเป็นการส่งเสริมให้ผู้ประกอบการไมซ์ ชุมชน รวมถึงธุรกิจต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมไมซ์ได้เกิดการจ้างงาน สร้างรายได้ ก่อเกิดเป็นเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจของประเทศ


สำหรับงานโรดโชว์ในครั้งนี้ที่จังหวัดพิษณุโลก ศูนย์กลางของภาคเหนือตอนล่าง เป็นเมืองไมซ์ซิตี้ที่มีทั้งสถานที่โรงแรม ที่พัก และสถานที่จัดงานมากมาย สามารถรองรับได้ตั้งแต่ขนาดเล็กจนถึงขนาดใหญ่ รวมทั้งยังมีสถานที่จัดงานพิเศษที่อิงกับประวัติศาสตร์เมืองเก่าสมัยพระนเรศวร ศิลปวัฒนธรรมและสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองของประเทศไทย และพิษณุโลกยังเป็นแหล่งเพาะปลูกด้านการเกษตรและสมุนไพรที่สำคัญแบบทันสมัยและครบวงจรของประเทศไทยอีกด้วย ที่นี่จึงมีศักยภาพและความพร้อมในทุกด้านที่ผู้ประกอบการสามารถเลือกให้เป็นสถานที่จัดงานไมซ์ได้อย่างยอดเยี่ยม” คุณสุวัชชัยกล่าว


ภายในงานโรดโชว์ได้รับเกียรติจากคุณทรงพล วิชัยขัทคะ รองผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก ร่วมเปิดงาน โดยมีกิจกรรมต่าง ๆ อาทิ การเสวนาในหัวข้อ “กระตุ้นเศรษฐกิจไทย ด้วยกิจกรรมประชุมไมซ์ในประเทศ” โดย คุณรุ่งโรจน์ สันทัดวนิช ผู้จัดการโรงแรมดิ อิมพีเรียล โฮเทล แอนด์ คอนเวนชั่น เซ็นเตอร์ พิษณุโลก คุณนที เริงสอาด ประชาสัมพันธ์สมาคมธุรกิจท่องเที่ยวเขาค้อ และ คุณวรัญญา หอมธูป ผู้จัดการวิสาหกิจชุมชนบ้านวังส้มซ่า โดยมี คุณดนตร์ทวี ไทรวิจิตร ผู้จัดการสำนักส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ ภาคเหนือ ร่วมให้ข้อมูล โครงการประชุมเมืองไทย เร่งสร้างเศรษฐกิจไทย และคุณนราศักดิ์ ม่วงแก้ว ผู้จัดการส่วนงาน MICE Innovation ให้ข้อมูลเรื่องแพลตฟอร์ม Thai MICE Connect

นอกจากนี้ยังมีการบรรยายในหัวข้อ “เพิ่มโอกาสการขายลูกค้ากลุ่มธุรกิจบนโลกการตลาดออนไลน์ (B2B Digital Marketing Talk)” โดย คุณชวัลวิทย์ รักษพล ผู้ก่อตั้ง M Creation Agency และยังมี Thai MICE Connect: Exclusive Clinic คลินิกให้คำปรึกษาการใช้งาน Thai MICE Connect แบบตัวต่อตัวอีกด้วย


สำหรับ Thai MICE Connect (ไทย ไมซ์ คอนเน็ค) เป็นเว็บไซต์ของสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ ทีเส็บ ที่รวบรวมฐานข้อมูล สินค้า และบริการในทุกรูปแบบที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมไมซ์อย่างครบครัน ไม่ว่าจะเป็นที่พัก สถานที่จัดงาน นำเที่ยว หรือออแกไนเซอร์ และพัฒนาเป็น E-MICE Marketplace ของอุตสาหกรรมไมซ์ครั้งแรกในไทย เชื่อมโยงผู้ซื้อและผู้ขายให้สามารถเข้าถึงข้อมูล และติดต่อธุรกิจได้ตรงตามความต้องการ สะดวกทุกที่ทุกเวลา และยังจัดเก็บข้อมูลสารสนเทศตลอด ทั้งห่วงโซ่อุปสงค์และอุปทานไมซ์เพื่อเป็นฐานข้อมูลไมซ์แห่งชาติ

นอกจากนั้นยังเป็นเครื่องมืออำนวยความสะดวกให้การจัดงานไมซ์ในประเทศไทยตอบรับเทรนด์ไมซ์ดิจิทัล เพื่อเพิ่มโอกาสและขีดความสามารถในการทำการตลาด และสามารถขยายตลาดไปยังลูกค้าในและต่างประเทศได้ครบจบในแพลตฟอร์มเดียว ด้วยชุดข้อมูลทั้งภาษาไทย ภาษาอังกฤษ ตอบรับทุกความต้องการของนักเดินทางไมซ์ทั้งในและต่างประเทศ ใช้งานได้ฟรี ไม่มีค่าธรรมเนียม ให้ทุกการจัดกิจกรรมง่ายเพียงแค่คลิก www.thaimiceconnect.com  

สามารถสมัคร TMC ได้ที่ https://www.thaimiceconnect.com หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Facebook : ThaiMICEConnect  Line: @thaimiceconnect​​​

วันอังคารที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2566

"ประพฤติ ยอดไพบูลย์" นั่งประธานชมรม 10 สถานีวิทยุ 12 ความถี่คนใหม่

   

วันที่ 28 มีนาคม 2566 ที่ห้องประชุมสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยประชุมชมรม 10 สถานีวิทยุ 12 ความถี่ จังหวัดพิษณุโลก เพื่อสรุปผลการจัดงานวันวิทยุกระจายเสียง และมีวาระที่สำคัญคือ การคัดเลือกประธานชมรม 10 สถานีวิทยุ 12 ความถี่คนใหม่ แทนนายมนต์รัตน์ ปาลิวนิช หรือ ดอกรัก เมืองสองแคว ที่หมดวาระ


ในที่ประชุมเสนอชื่อนายประพฤติ  ยอดไพบูลย์ ผู้อำนวยการสถานีวิทยุกระจายเสียงกรมอุตุนิยมวิทยาจังหวัดพิษณุโลก เป็นประธานคนใหม่ด้วยมติเป็นเอกฉันท์ ทั้งนี้จะมีผลตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2566 เป็นต้นไป


สำหรับนายประพฤติ ยอดไพบูลย์ ปัจจุบันดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสถานีอุตุนิยมวิทยาจังหวัดพิษณุโลกอีกหน้าที่หนึ่ง นอกจากนั้นทำหน้าที่รายงานพยากรณ์อากาศและความเคลื่อนไหวดิน ฟ้า อากาศ ฝุ่นละออง PM 2.5  ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยจังหวัดพิษณุโลก ช่วงเวลา 06.00 น.ผ่านไปยังหอกระจายข่าวและเสียงตามสาย ทำให้ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เนื่องจากค่อนข้างจะมีความแม่นยำ  อีกทั้งยังดำรงตำแหน่งคณะกรรมการสมาคมสื่อสารมวลชนพิษณุโลก อีกด้วย


พิษณโลก ตำรวจปราบปราบยาเสพติด (ปส.) จับ 2 ผู้ต้องหาค้ายาบ้า ยึด 4 ล้านเม็ด พร้อมรถฟอร์จูนเนอร์


วันนี้ 28 มี.ค. 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หน่วยปราบปราบยาเสพติด (ปส.) พิษณุโลกได้รับการประสานจากหน่วย ปส.พัทยา จ.ชลบุรี ให้เข้าทำการจับกุมขยายผลผู้ต้องหายาเสพติดรายใหญ่ จำนวน 2 ราย ซึ่งถูกจับกุม มีเคตามีน ประมาณ 300 กิโลกรัม ที่ จ.สมุทรปราการ (25 มีนาคม 2566) 

       กระทั่ง 15.00 น.วานนี้  27 มี.ค. 2566 เจ้าหน้าที่ตำรวจปส.จับกุมผู้ต้องหา จำนวน 2 ราย คือ 1) นายบุญฤทธิ์ วงศ์อินทร์ อายุ 30 ปี ที่อยู่ 106 ม.6 ต.มะตูม อ.พรหมพิราม จ.พิษณุโลก 2) น.ส.ธนัชพร อู่นาท อายุ 29 ปี ที่อยู่ 223 ม.3 อ.วังทอง จ.พิษณุโลก ยึดของกลางยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) จำนวน 4 ล้านเม็ด บรรจุในลังไม้อัดห่อหุ้มด้วยกระดาษสีน้ำตาล จำนวน 27 ลัง และมีรถยนต์ยี่ห้อ Toyota รุ่น Fortuner จำนวน 1 คัน ภายในบ้านเช่าของนายบุญฤทธิ์ฯ ซอยประสานมิตร ต.ปากโทก อ.เมือง พิษณุโลก


    จนท.ชุดจับกุมจึงนำตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 รายไป ตรวจค้นขยายผลตามที่อยู่ในบัตรประชาชนเพิ่มเติม ผลการตรวจค้นไม่พบของกลางเพิ่มเติม ล่าสุดนำตัวผู้ต้องทั้ง 2 รายพร้อมของกลางทำบันทึกจับกุมที่กองบัญชาการปราบปรามยาเสพติด(ปส.) เพื่อขยายผลและดำเนินคดีต่อไป           /ป๊อกกองปราบ ภาพ-ข่าว/



วันจันทร์ที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2566

พิษณุโลก อัศวิน นิลเต่า" อ้อนขอปักหมุด ส.ส.เขต 4 จะทำหน้าที่ ส.ส.ต้นแบบให้ดู พร้อมชูหมาบางแก้ว-กล้วยตาก

 พิษณุโลก"อัศวิน นิลเต่า"อ้อนขอปักหมุด ส.ส.เขต 4 จะทำหน้าที่ ส.ส.ต้นแบบให้ดู พร้อมชูหมาบางแก้ว-กล้วยตาก

วันที่ 27 มีนาคม 2566 เวลา 10.30 น. ที่ศูนย์ประสานงานพรรคพลังประชารัฐ พิษณุโลก เขต 4 อำเภอบางระกำ จังหวัดพิษณุโลก นายอัศวิน นิลเต่า อดีต ส.จ.ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.พิษณุโลก เขต 4 พรรคพลังประชารัฐ ได้เปิดแถลงข่าวสื่อมวลชนว่า ขอกราบขอบพระคุณ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ และคณะกรรมการบริหารพรรค ตลอดจนสมาชิกพรรคที่ให้โอกาสตนลงสมัครผู้แทนราษฎร เขต 4 คนที่เข้าไปเป็นผู้แทนร่วมทุกข์ร่วมสุข พบปะประชาชนไม่ว่าจะเป็นงานบวช งานแต่ง งานตาย ใครเชิญก็ต้องไป แต่ตนจะทำให้แตกต่างจากผู้แทนคนอื่นๆถ้าตนไปเป็นผู้แทนจะสร้างมิติใหม่ในวงการ ส.ส เป็นแบบอย่างที่ตนทำในพื้นที่ ขอให้พี่น้องเขต 4 พิษณุโลก ให้ความไว้วางใจและเชื่อมั่นตน


      นายอัศวิน กล่าวอีกว่า ตนมีทีมงานคนรักเมืองสองบาง ที่สนับสนุนตนช่วยหาเสียงให้ไปเป็นผู้แทนเขต 4 คือ คนอำเภอบางกระทุ่ม อำเภอบางระกำ และอำเภอเมือง (เฉพาะตำบลท่าโพธิ์และตำบลงิ้วงาม) มีทั้งอดีตผู้อำนวยการโรงเรียน นายตำรวจ นายทหาร และประธานอาสาพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์(อพม.)อำเภอบางระกำ ถ้าตนได้รับเลือกตั้งจะนำสุนัขบางแก้ว สุนัขพันธุ์ไทยไปโชว์ในสภาฯ ถ้าพูดถึงอำเภอบางกระทุ่มต้องพูดถึงกล้วยน้ำว้าพันธุ์มะลิอ่อง กล้วยตากบางกระทุ่ม ที่มีจำหน่ายทั่วประเทศไทย เป็นสินค้าที่ขึ้นชื่ออยู่แล้ว


       สำหรับนายอัศวิน นิลเต่า อดีตรองผู้อำนวยสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาพิษณุโลก เขต 3 อดีต.ส.จ.อำเภอบางระกำ จ.พิษณุโลก อดีตเลขานายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดพิษณุโลก และอดีตเคยเป็นเจ้าของโรงงานผลิตภัณฑ์โอท็อปบางแก้วเซรามิก นับว่าเป็นสินค้าที่มีชื่อเสียงของจังหวัดพิษณุโลก






ศธ. ลงพื้นที่รุกปรับโครงสร้างหนี้ครูภาคเหนือ ระดมกูรูและสถาบันการเงินแก้หนี้ครู พุ่งเป้าลดหนี้จริงกว่า 4,040 ล้านบาท


   ศธ. ลงพื้นที่รุกปรับโครงสร้างหนี้ครูภาคเหนือ ระดมกูรูและสถาบันการเงินแก้หนี้ครู พุ่งเป้าลดหนี้จริงกว่า 4,040 ล้านบาท กระทรวงศึกษาธิการ เดินหน้าจัดมหกรรมการเงินเพื่อครูไทย “Unlock a Better Life” ต่อเนื่องเป็นครั้งที่ 3 มุ่งเน้นเรื่องการเร่งสร้างโอกาสใหม่เพื่อชีวิตครูไทยที่ดีกว่า ในภาคเหนือถือเป็นการนัดรวมพลข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาครั้งใหญ่ในภาคเหนือ รวม 15 จังหวัด ได้แก่ แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน ลำปาง พะเยา แพร่ น่าน อุตรดิตถ์ ตาก สุโขทัย กำแพงเพชร เพชรบูรณ์ พิจิตร และ พิษณุโลก ณ โรงแรมดิ อิมพีเรียล โฮเทล แอนด์ คอนเวนชั่น เซ็นเตอร์ จังหวัดพิษณุโลก เมื่อสัปดาห์ก่อน โดยตั้งเป้าหมายไกล่เกลี่ยและปรับโครงสร้างหนีเพื่อลดปัญหาหนี้สินครูในภูมิภาคนี้กว่า 4,040ล้านบาท รวมถึงการอบรมให้ความรู้ด้านการบริหารจัดการเงินอย่างเข้มแข็งมั่นใจข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษามีคุณภาพชีวิตที่ดีได้จริงจากมหกรรมการเงินเพื่อครูไทย 



    นายอรรถพล สังขวาสี ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวว่าผลจากการจัดงานมหกรรมการเงินเพื่อครูไทยสู่4 ภูมิภาคทั่วประเทศ ตามนโยบายรัฐบาลที่ได้ตั้งเป้าหมายแก้ไขหนี้ภาคครัวเรือนนั้น กระทรวงศึกษาธิการมีบทบาทสำคัญในการขยายผลการดำเนินงานแก้ไขปัญหาหนี้สินครูและบุคลากรทางการศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการและเป็นการเปิดโอกาสให้ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาในพื้นที่ภูมิภาคทุกกลุ่มที่ประสบปัญหาหนี้สินได้รับการช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนด้านปัญหาหนี้วิกฤตกลุ่มถูกฟ้องร้องดำเนินคดีหรือถูกบังคับคดีทางกฎหมายและสร้างภูมิคุ้มกันทางการเงินด้วยการให้ความรู้ด้านการออมและการลงทุน รวมถึงการแก้ไขปัญหาหนี้สินครูและบุคลากรทางการศึกษาโดยใช้สหกรณ์ออมทรัพย์ครูต้นแบบในพื้นที่ 4 ภูมิภาค ได้แก่ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก ภาคเหนือ และภาคใต้ โดยทางกระทรวงศึกษาธิการได้เร่งรัดการขับเคลื่อนตามนโยบายแก้ไขปัญหาหนี้สินครูและบุคลากรทางการศึกษาอย่างเต็มกำลัง ด้วยการปรับโครงสร้างหนี้กับสถาบันการเงินผลักดันกลไกเจรจาลดดอกเบี้ยกับสหกรณ์ออมทรัพย์ครู และจัดตั้งสถานีแก้หนี้ร่วมช่วยแก้ปัญหาลดหนี้สิน รวมถึงการให้ความรู้ทางด้านวินัยการเงินและการลงทุน เพื่อสร้างความแข็งแรงให้กับครูไทยได้มีสภาพคล่องและสุขภาพทางการเงินที่ดีซึ่งได้จัดไปแล้ว2 ภูมิภาค คือ ครั้งที่ 1 จังหวัดกาฬสินธุ์ เมื่อวันที่ 18-19กุมภาพันธ์ 2566 สำหรับกลุ่มบุคลากรครูในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 4 จังหวัดได้แก่ กาฬสินธุ์ ร้อยเอ็ด มหาสารคาม และขอนแก่นตามด้วยครั้งที่2 จังหวัดสระแก้ว เมื่อวันที่ 11-12 มีนาคม 2566 ที่ภาคตะวันออกสำหรับเครือขายครูใน 8จังหวัด ได้แก่ สระแก้ว ปราจีนบุรี นครนายก จันทบุรี ตราด ชลบุรี ฉะเชิงเทรา และระยอง ซึ่งมีข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาที่เป็นกลุ่มเป้าหมายในพื้นที่เข้าร่วมงานเพื่อรับบริการการให้คำปรึกษาและฝึกอบรมไปแล้วกว่า 3,816ราย และที่สำคัญสามารถช่วยแก้ไขปัญหาหนี้สินครูกับกลุ่มลูกหนี้วิกฤติได้กว่า 959,490,589.54บาทและครั้งล่าสุดนี้ที่กลุ่มภาคเหนือ


 
 นายอรรถพล สังขวาสี กล่าวต่อว่า การจัดงานมหกรรมการเงินเพื่อครูไทยสำหรับภาคเหนือในครั้งนี้ ตั้งเป้าหมายช่วยเหลือครูที่มีปัญหาหนี้สินกว่า 2,698ราย จำนวนมูลหนี้ประมาณ 4,040ล้านบาทโดยเป็นกลุ่มลูกหนี้วิกฤติ 380ราย จำนวนมูลหนี้ประมาณ315 ล้านบาทซึ่งจะพุ่งเป้าหมายให้ความช่วยเหลือกลุ่มลูกหนี้วิกฤติเป็นสำคัญเหมือนเช่นเคย เนื่องจากเป็นกลุ่มที่ต้องการความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วนที่สุด โดยที่ผ่านมา กระทรวงศึกษาธิการมีการจัดการแก้ไขปัญหาหนี้ครูอย่างต่อเนื่อง ทั้งในด้านการเจรจาขอลดดอกเบี้ยจากสหกรณ์ออมทรัพย์ครูที่เป็นเจ้าหนี้รายใหญ่จำนวนกว่า 8.9 แสนล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 64ของหนี้สินครูทั้งประเทศ นอกจากนี้ยังได้ตั้งสถานีแก้หนี้ครูที่เข้ามาเป็นกลไกช่วยเหลือครูในระดับเขตพื้นที่อย่างทั่วถึง ฯลฯ ซึ่งได้ดำเนินการมาโดยตลอดก่อนหน้านี้ การจัดงานมหกรรมการเงินเพื่อครูไทยในภาคเหนือครั้งนี้ จึงเป็นการลงพื้นที่เพื่อตอกย้ำความเอาจริงเอาจังในการจัดการแก้ไขปัญหาหนี้ในเชิงรุก เพื่อช่วยให้ครูในกลุ่มที่ยังต้องการความช่วยเหลือสามารถเข้าถึงสิทธิประโยชน์ทางการเงินอย่างครบวงจรมากขึ้น ซึ่งเชื่อมั่นอย่างยิ่งว่า กระบวนการดำเนินงานนี้จะช่วยลดหรือปลดหนี้ครูไทยที่มีปัญหามายาวนานได้อย่างเป็นรูปธรรมและวัดผลได้จริง เพื่อยกระดับให้ครูไทยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น อีกทั้งเป็นการเสริมสร้างขวัญและกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่วิชาชีพครูให้มีประสิทธิภาพสูงสุด


 
       สำหรับกิจกรรมภายในงานเป็นการจัดการแก้ไขปัญหาหนี้สินให้กับข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาทั้งระบบแบบครบวงจรในหลากหลายรูปแบบซึ่งมีหน่วยงานเครือข่ายที่เชี่ยวชาญเข้าร่วมจัดกิจกรรม โดยได้มีการให้บริการเจรจาไกล่เกลี่ยหนี้ที่อยู่ระหว่างขั้นตอนของการฟ้องร้องดำเนินคดีและการปรับโครงสร้างหนี้กับสหกรณ์ออมทรัพย์ครูและสถาบันการเงินสำหรับลูกหนี้ครูกลุ่มวิกฤติและกลุ่มทั่วไป เพื่อหาทางแก้ไขปัญหาหนี้สินครูให้มีเงินเดือนเหลือสุทธิหลังหักชำระหนี้ไม่น้อยกว่าร้อยละ 30 และควบคุมยอดหนี้ใหม่ให้ไม่เกินความสามารถในการชำระหนี้โดยพันธมิตรสถาบันการเงินได้มอบสิทธิพิเศษช่วยเหลือลูกหนี้ครูกลุ่มวิกฤติทั้งผู้กู้และผู้ค้ำประกันที่เข้าร่วมงานจำนวนมาก เช่น การผ่อนชำระพิจารณาขยายเวลาไม่เกิน 10 ปี ตั้งพักดอกเบี้ยค้างชำระ, ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเป็นพิเศษ3 ปีแรก, ผ่อนชำระได้ตามเงื่อนไข ยกเว้นดอกเบี้ยผิดนัดทั้งจำนวนดอกเบี้ยค้างชำระเป็นพิเศษการปลดภาระหนี้ค้ำประกันเงินต้นคงเหลือแบ่งชำระตามจำนวนผู้ค้ำประกัน,ยกเว้นดอกเบี้ยค้างชำระให้เป็นพิเศษเป็นต้น อีกทั้ง ยังมีการบริการให้คำปรึกษาและวางแผนการกู้ยืมการออม และการลงทุน รวมถึงการอบรมให้ความรู้ด้านการเงินและการบริหารจัดการหนี้สินจากสถาบันการเงินหลายหน่วยงานที่มีกูรูผู้เชี่ยวชาญมาให้คำแนะนำและอบรมเชิงรุกเป็นพิเศษให้กับกลุ่มลูกหนี้ครูทั่วไปและครูที่ยังไม่มีหนี้เพื่อป้องกันการเกิดหนี้เสียใหม่ในอนาคตและเป็นการจัดการแก้ไขปัญหาหนี้สินให้แก่ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาที่เรื้อรังมานานแบบบูรณาการและครบวงจรที่สุด