วันอาทิตย์ที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2567

พิษณุโลก เกิดไฟป่าภูแผงม้า นอกเขตป่าอนุรักษ์ ใกล้อช.ภูหินร่องกล้า ล่าสุดสามารถควบคุมไฟได้

วันนี้ (31 มีนาคม 2567) นายลำยอง  ศรีเสวก หัวหน้าอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า เปิดเผยว่า เหตุเกิดไฟป่าบริเวณภูแผงม้า เมื่อเวลา 12.30 น. จึงสั่งการเจ้าหน้าที่ประจำจุดเฝ้าระวังไฟป่า คือ หน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติ ที่ ภรก. 2 (ทับเบิก) เข้าดับไฟป่าภูแผงม้าทันที พร้อมจัดเสริมกำลังเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า,  เจ้าหน้าที่สถานีควบคุมไฟป่าภูหินร่องกล้า, กำลังพลจากสถานีเรดาร์กองทัพอากาศภูหมันขาวเร่งเข้าควบคุมสถานการณ์กระทั่งสามารถควบคุมได้แล้ว
ตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า บริเวณที่ถูกไฟไหม้อยู่พื้นที่บ้านน้ำเพียงดิน ตำบลบ้านเนิน อำเภอหล่มเก่า จังหวัดเพชรบูรณ์ ซึ่งอยู่นอกแนวเขตอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า ล่าสุด เจ้าหน้าที่ร่วมกันทำแนวกันไฟเพื่อป้องกันการลุกลามเข้าแนวเขต
อุทยานฯแล้ว  
//ป๊อกกองปราบ ภาพ-ข่าว//

สุพรรณบุรี เชิญเที่ยวชมชิมแช๊ะตลาดวัฒนธรรมริมน้ำวัดโพธารามขัดฟันจรเข้ยักษ์ขอโชคลาภ

ที่ตลาดวัฒนธรรม ริมน้ำวัดโพธาราม ตำบลจรเข้สามพัน อำเภออู่ทอง จังหวัดสุพรรณบุรี นายกองเอกเชษฐา ขาวประเสริฐ ปลัดจังหวัดสุพรรณบุรี  เป็นประธานแถลงข่าวเตรียมเปิดตลาดวัฒนธรรมริมน้ำ วัดโพธาราม" บ้านจรเข้สามพัน  โดยมีนายกองตรีโกวิทย์  อุบลรัตน์ นายอำเภออู่ทอง ดร. กิติพงค์ พร้อมวงค์ ผู้อำนวยการ สำนักงานสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ(สอวช.) กลุ่มนักศึกษาหลักสูตร ปปร. รุ่นที่ 27 สถาบันพระปกเกล้า และภาคีเครือข่ายผู้นำชุมชนชาวบ้านในชุมชนร่วมกันจัด มีคุณพชรพรรณ  ( พะ-ชะ-ระ-พัน )มาตรศรี  ประธานคณะกรรมการพัฒนาสตรีอำเภออู่ทอง นำคณะกลองยาว และนางรำผู้สูงวัย บ้านจรเข้สามพัน ร่วมกิจกรรมและให้การต้อนรับ
ตลาดวัฒนธรรม ริมน้ำวัดโพธาราม ตำบลจระเข้สามพัน จะเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการ ในวันที่6  เม.ย.67  เวลา 16.00 น. โดย นายวราวุธ ศิลปอาชา  รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์  โดยจะมีการเปิดทำการค้าขายทุกวันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุด  นักขัตฤกษ์ จะมีร้านค้าประมาณ 80 ร้าน นำสินค้า ของดีมีคุณภาพของชุมชน เช่น อาหารไทยพื้นถิ่น ของฝาก ของที่ระลึก ผ้าทอพื้นเมืองของชุมชนจรเข้สามพัน  อุปกรณ์จักสานจากกลุ่มครู ผู้เกษียณอายุ ปลาเค็ม ปลานิล ปลาสลิดแดดเดียว  ขนมจีน  ข้าวจี่  ผัก ผลไม้ในพื้นที่ และ สินค้าอื่นๆอีกมากมายมาจำหน่าย  เพื่อส่งเสริมการเชื่อมโยงการท่องเที่ยวจังหวัดสุพรรณบุรี  พร้อมกันนี้นักท่องเที่ยวและประชาชนที่มาเที่ยวชมซื้อสินค้าตลาดวัฒนธรรม แล้วยังได้กราบขอพรหลวงปู่เปี้ยนพระเกจิชื่อดัง อดีตเจ้าอาวาสวัดโพธาราม เพื่อความเป็นสิริมงคล และขอโชคลาภจากจรเข้ยักษ์  ขนาดความยาว  11.9 เมตร  และผู้คนต่างมาขอโชคลาภโดยการขัดถูฟันจรเข้ นับฟันจรเข้ หาเลขเด็ด แล้วนำไปเสี่ยงโชคสมหวังรีบทรัพย์กันไปแล้วหลายราย  
หลังจากการแถลงข่าวเสร็จ ท่านปลัดจังหวัดจังหวัด ท่านนายอำเภอ ได้นำผู้ร่วมแถลงข่าวไปขอโชคลาภกับจระเข้ โดยคณะกลองยาวได้แห่เดินจากจุดแถลงข่าวไปที่จรเข้ยักษ์ ระยะทางประมาณ 300 เมตรเพื่อขอโชคลาภ เมื่อไปถึงบางคนถูฟันจระเข้ บางคนนับจำนวนฟันจรเข้ ส่วนใหญ่ต่างนับฟันจรเข้ ได้จำนวนที่แตกต่างกันไป เช่นท่านปลัดจังหวัดนับได้ 46 ซี่ ส่วนคุณพชรพรรณ พร้อมคุณนายท่านปลัดจังหวัดและนางรำนับได้ 44 ซี่เมื่อได้ตัวเลขแล้วคณะก็ได้แยกย้ายพร้อมจดตัวเลขเสี่ยงดวงกันในวันที่ 1 เมษายนนี้


//ภัทรพล พรมพัก สุพรรณบุรี//

ศรีสะเกษ ไฟไหม้หลังอาคารพานิชย์วอด 1 หลังถังแก๊สระเบิด 2 ครั้ง รถยนต์ 4 คันจอดอยู่หวิดโดนไฟไหม้ ซึ่งสาเหตุอยู่ระหว่างการตรวจสอบของพนักงานสอบสวน

     เมื่อเวลา 04.10 น. วันที่ 31 มี.ค. 2567  ร.ต.อ.วีรวิชญ์  ศรีโพนดวน ร้อยเวรสอบสวน สภ.เมืองศรีสะเกษ ได้รับแจ้งจากศูนย์วิทยุโพธิ์ทอง สภ.เมืองศรีสะเกษว่า เกิดเหตุเพลิงไหม้ที่บริเวณด้านหลังตึกแถวอาคารพานิชย์แห่งหนึ่ง บริเวณสามแยกแมนชั่นแห่งหนึ่งใกล้กับวัดหลวงสุมังคลาราม ต.เมืองใต้ อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ   จึงได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบและรีบรุดไปตรวจสอบยังที่เกิดเหตุ พร้อมทั้งแจ้งให้เจ้าหน้าที่ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เทศบาลเมืองศรีสะเกษ อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ นำเอารถดับเพลิงจำนวน 2 คันมาทำการเร่งระดมฉีดน้ำดับเพลิงที่กำลังลุกไหม้ ซึ่งไฟได้ลุกไหม้อย่างรวดเร็วมาก   เนื่องจากสภาพอากาศที่ค่อนข้างร้อนอบอ้าว ระหว่างที่เจ้าหน้าที่ดับเพลิงกำลังฉีดน้ำดับเพลิงปรากฏว่า ได้มีเสียงระเบิดดังขึ้น 2 ครั้ง ซึ่งคาดว่าเกิดจากถังแก๊สระเบิด และไฟฟ้าได้มีการช็อตกันขึ้นเป็นระยะๆ  โดยเจ้าหน้าที่ได้เร่งฉีดน้ำและดึงเอาถังแก๊สออกมาจากบริเวณที่เกิดเพลิงไหม้ ขณะที่บรรดาเจ้าของรถยนต์ที่จอดอยู่ จำนวน 4 คัน ติดกับบริเวณที่เกิดเพลิงไหม้ได้เร่งนำเอารถยนต์ของตนเองทั้งรถเก๋งและรถปิคอัพออกจากบริเวณเกิดเหตุ  เจ้าหน้าที่ดับเพลิงใช้เวลาประมาณ  35   นาทีจึงสามารถควบคุมเพลิงไหม้เอาไว้  โดยบริเวณที่เกิดเพลิงไหม้เป็นห้องเก็บของด้านหลังอาคารพานิชย์โดนไฟไหม้วอดทั้งหลังจำนวน 1 หลัง ซึ่ง  ร.ต.อ.วีรวิชญ์  ศรีโพนดวน จะได้เร่งสอบสวนหาสาเหตุที่แท้จริงของการเพลิงไหม้ครั้งนี้เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
นายสามารถ บุญรักษา อายุ 33 ปี  บ้านใกล้กับที่เกิดเหตุและเห็นเหตุการณ์ เล่าว่า ขณะที่ตนกำลังนั่งเล่นอยู่กับเพื่อนๆ อยู่นั้น ได้กลิ่นคล้ายกับกลิ่นธูปไหม้ และต่อมาได้มีแสงไฟลุกไหม้ขึ้นมาที่บริเวณด้านหลังห้องแถว  และขณะที่ไฟกำลังลุกไหม้มีเสียงระเบิดดังขึ้น 2 – 3 ครั้ง ตนจึงได้รีบวิ่งไปแจ้งให้ยามรักษาความปลอดภัยของหอพักแห่งหนึ่งใกล้กับที่เกิดเหตุทราบ และได้โทร.แจ้ง 191 เพื่อแจ้งเจ้าหน้าที่ ตร.และรถดับเพลิงให้มาฉีดน้ำดับไฟที่กำลังลุกไหม้ ซึ่งเจ้าหน้าที่ดับเพลิงสามารถควบคุมเพลิงไหม้เอาไว้ได้ในที่สุด ทำให้อาคารพานิชย์จำนวนประมาณ 12 ห้องที่อยู่ติดกันและรถยนต์ 4 คันรอดจากการถูกเพลิงไหม้ในครั้งนี้อย่างหวุดหวิด/////


ภาพ / ข่าว  ศิริเกษ  หมายสุข ผู้สื่อข่าวประจำ จ. ศรีสะเกษ

"ยุทธพล“ จัด “มหัศจรรย์วันปิดเทอม ให้ทุกวันเป็นวันของเด็ก”ส่ง-สภาเด็กฯขึ้น“พะเนินทุ่ง”-“ชั่งหัวมัน” สัมผัสธรรมชาติ รักษ์ป่า

วันเสาร์ที่ 30 มีนาคม 2567 เวลา 9.30 น. ดร.ยุทธพล อังกินันทน์ ที่ปรึกษาในคณะที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เป็นประธานในพิธีเปิดกิจกรรม “มหัศจรรย์วันปิดเทอมให้ทุกวันเป็นวันของเด็ก” Magichild Fest Everyday is Children's day ซึ่งจัดการทัศนศึกษา ให้แก่เด็กและเยาวชน ของสภาเด็กและเยาวชนจังหวัดเพชรบุรี ระหว่างวันที่ 30 - 31 มีนาคม 2567 ณ เขาพะเนินทุ่ง อำเภอแก่งกระจานและโครงการชั่งหัวมัน ตามพระราชดำริ อำเภอท่ายางจังหวัดเพชรบุรี เครือข่ายสภาเด็กและเยาวชนจังหวัดเพชรบุรีเข้าร่วมจำนวน 50 คน
จากความคิดริเริ่มของ ดร.ยุทธพล อังกินันทน์ เพื่อเพิ่มเติมประสบการณ์ให้แก่น้องๆสภาเด็กและเยาวชนจังหวัดเพชรบุรีให้ได้ใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ในช่วงปิดเทอม สร้างประสบการณ์การเรียนรู้นอกห้องเรียน ศึกษาและสัมผัสใกล้ชิดกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมของป่าแก่งกระกระจานซึ่งเป็นมรดกโลก รวมถึงสร้างการตระหนัก การรับรู้โครงการพระราชดำริในจังหวัดเพชรบุรี เพื่อนำประสบการณ์ที่ได้รับไปเป็นต้นทุนในการพัฒนาตนเองและเพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาสังคมต่อไป ทั้งนี้จึงได้สนับสนุนงบประมาณส่วนตัวในการจัดทัศนศึกษาในครั้งนี้เพื่อเป็นโครงการนำร่องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำไปปฏิบัติต่อไป     
      

                                                             //ข่าว-สุรพล  นาคนคร จ.เพชรบุรี//

ศรีสะเกษ โจ่งครึ่มเย้ยกฎหมายบ่อนพนันปาเป้าปาโป่งเกลื่อนหน้าที่ว่าการ อ.ขุขันธ์ห่างจาก สภ.ขุขันธ์ประมาณ 100 เมตร มอมเมาเด็กและเยาวชนอย่างหนัก

ชาวบ้านสุดทนร้องขอให้นายก รมต.และ รมว.มหาดไทยตรวจสอบด่วนว่า มีการดำเนินการขออนุญาตถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่อย่างไร เหตุใดจึงปล่อยให้เด็กและเยาวชนเข้าไปเล่นพนันได้
เมื่อวันที่ 30 มี.ค.2567 ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนจากผู้ปกครองของเด็ก น.ร.คนหนึ่งว่า ที่บริเวณหน้าที่ว่าการ อ.ขุขันธ์ จ.ศรีสะเกษ ซึ่งเป็นสถานที่จัดงานสืบสานประเพณีสี่เผ่าไทรวมน้ำใจเพื่อชาวขุขันธ์และกาชาด          อ.ขุขันธ์ จ.ศรีสะเกษ กำหนดจัดงานนี้ขึ้นระหว่างวันที่ 28 มี.ค.- 5 เม.ย. 2567 รวม 9 วัน 9 คืน โดยมีการแสดงคอนเสริต์ของนักดนตรีชื่อดังจำนวนมาก และการจำหน่ายสินค้าโอท๊อป 
ซึ่งปรากฏว่า ในการจัดงานครั้งนี้ได้มีบรรดาพ่อค้าแม่ค้าพากันมาออกร้านเปิดให้เล่นการพนัน เช่น ปาโป่ง ปาเป้า ยิงตุ๊กตา ขึ้นป้ายขายยิงเป้า 1 ชุด ชุดละ 20 บาท 10 ลูก 3 ชุด 50 บาท สะสมตัวเล็กแลกตัวใหญ่ โดยการเล่นปาเป้าจะกำหนดราคาตามขนาดตัวตุ๊กตา เช่น 3 ดอก 20 บาท, 1 ชุด 20 บาท, 3 ชุด 50 บาท , โยนตก 1 กระป๋องรับ 1 ตัว 20 บาท  เป็นต้น ซึ่งปรากฏว่า มีเด็กและเยาวชนเข้าไปเล่นพนันปาเป้าและยิงเป้าเพื่อหวังเอารางวัลตุ๊กตาขนาดใหญ่กันอย่างคึกคัก โดยมีร้านลักษณะเดียวกันนี้ จำนวนประมาณ 15 ร้าน มีเด็ก เยาวชน และประชาชน เดินเข้ามาเล่นการพนันดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง   แต่ว่าไม่มีเจ้าหน้าที่ ตร.รวมทั้งส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเข้าไปตรวจสอบและจับกุมการเล่นพนันปาโป่ง ปาเป้า ยิงตุ๊กตา ซึ่งเป็นการแอบแฝงในการเปิดเล่นการพนันแต่อย่างใด ทั้งที่สถานที่เปิดเล่นพนันดังกล่าวอยู่หน้าที่ว่าการ อ.ขุขันธ์ ประมาณ 50 เมตร และอยู่ห่างจาก สภ.ขุขันธ์ประมาณ 100 เมตรเท่านั้น 
นายกัน อายุ 48 ปี ผู้ปกครองเด็ก น.ร.คนหนึ่ง กล่าวว่า ตนไม่ทราบว่า เพราะเหตุใดในการจัดงานครั้งนี้ จึงได้ปล่อยให้เด็ก น.ร.และเยาวชนที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ เข้าไปเล่นพนันกันอย่างเปิดเผยแบบนี้ ตนไม่ทราบว่า ผู้มีอำนาจอนุญาตได้มีการอนุญาตให้มีการเล่นพนันปาเป้า ปาโป่ง ในงานนี้หรือไม่อย่างไร เนื่องจากว่าหากมีการขออนุญาตเล่นพนันจริง ควรที่จะนำเอาใบอนุญาตมาปิดไว้อย่างเปิดเผยว่าได้รับอนุญาตแล้ว อีกทั้งตามใบอนุญาตด้านหลังจะมีเงื่อนไขการอนุญาตว่า ผู้ได้รับอนุญาตจะต้องไม่ปล่อยปละละเลยให้ผู้ที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะเข้าไปเล่นการพนันอย่างเด็ดขาด ซึ่งการจัดงานนี้มีการปล่อยให้เด็กและเยาวชนเข้าไปเล่นพนันปาเป้าปาโป่งอย่างโจ่งครึ่มเย้ยกฎหมาย แต่เจ้าหน้าที่ ตร.และส่วนราชการที่เกี่ยวข้องไม่ได้มีการจับกุมแต่อย่างใด ทั้ง ๆ ที่ผิดกฎหมายชัดเจน ที่สำคัญคือมีเด็กเข้าไปเล่นพนันด้วย ซึ่งไม่เหมาะสมเป็นอย่างยิ่ง แม้ว่าจะมากับผู้ปกครองก็ตาม การปล่อยปละละเลยเช่นนี้ตนไม่ทราบว่า หน.ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องจะเข้าข่ายละเว้นการปฏิบัติหน้าที่หรือไม่อย่างไร
นายกัน อายุ 48 ปี ผู้ปกครองเด็ก น.ร.คนหนึ่ง กล่าวต่อไปว่า ตนและประชาชนชาว อ.ขุขันธ์ จ.ศรีสะเกษที่รักความถูกต้อง  จึงขอร้องเรียนไปยัง นายเศรษฐา  ทวีสิน  นายกรัฐมนตรี และ นายอนุทิน  ชาญวีรกูล  รมว.กระทรวงมหาดไทย  นายอนุพงศ์  สุขสมนิตย์  ผวจ.ศรีสะเกษ รวมทั้งทุกส่วนราชการที่เกี่ยวข้องว่า  ขอให้ลงมาตรวจสอบเรื่องนี้ด้วยว่า ร้านปาเป้า ปาโป่งในการจัดงานครั้งนี้ได้มีการขออนุญาตถูกต้องและปฏิบัติตามกฎหมายหรือไม่อย่างไร   หากพบว่า ไม่มีการขออนุญาตถูกต้องตามกฏหมายขอให้ดำเนินการตามกฎหมายอย่างเข้มงวด และหากพบว่า มีผู้ใดเข้าไปเอี่ยวมีผลประโยชน์ในทางมิชอบในครั้งนี้ ขอให้ดำเนินการทางวินัยและอาญาสถานหนักด้วย เพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างที่ไม่ดีในการมอมเมาเด็กและเยาวชนอีกต่อไป  ซึ่งบริเวณหน้าที่ว่าการ อ.ขุขันธ์แห่งนี้ มีการปล่อยปละละเลยให้มีการเล่นพนันลักษณะนี้เป็นประจำ เมื่อมีการร้องเรียนเรื่องนี้ขึ้นมา เจ้าหน้าที่ก็จะเข้าไปทำการจับกุมและจะนำเอาผู้ประกอบการไปปรับเป็นเงินเพียงไม่กี่บาท จากนั้นก็จะปล่อยให้มาเปิดร้านเล่นพนันมอมเมาเด็กและเยาวชนต่อไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น  เนื่องจากผู้ประกอบการปาเป้า ปาโป่ง บิงโก เป็นผู้มีอิทธิพลเหนือ หน.ส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง จึงไม่หวั่นเกรงกฎหมาย  มักจะอ้างว่าเคลียร์กับ หน.ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องทุกส่วนแล้ว 
ผู้สื่อข่าวรายงานต่อว่า การปล่อยให้มีการจัดการเล่นการพนันเอาทรัพย์สินกัน เป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายมาตรา 4 และมาตรา 4 ทวิ ประกอบมาตรา 5 และมาตรา 12 แห่ง พ.ร.บ.การพนัน 2478 ซึ่งตามพระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ.2478 มาตรา 12 ได้บัญญัติว่า “ผู้ใดจัดให้มีการเล่น หรือทำอุบายล่อ ช่วยประกาศโฆษณา หรือชักชวนโดยทางตรง หรือทางอ้อม ให้ผู้อื่นเข้าเล่น หรือเข้าพนันในการเล่น ซึ่งมิได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงาน หรือรับอนุญาตแล้ว แต่เล่นพลิกแพลง หรือผู้ใดเข้าเล่น หรือเข้าพนันในการเล่น อันขัดต่อบทแห่งพระราชบัญญัตินี้ หรือกฎกระทรวงนั้น” ลักษณะยิงเป้า ปาลูกโป่ง ปิงโก เป็นการพนันบัญชี ข. มีโทษจำคุกตั้งแต่ 3 เดือนขึ้นไป จนถึง 3 ปี ปรับตั้งแต่ 500 บาทขึ้นไปจนถึง 5,000 บาท และตามมาตรา 7 (3) ระบุว่า ห้ามไม่ให้บุคคลอายุต่ำกว่า 20 ปีบริบูรณ์ หรือไม่บรรลุนิติภาวะเข้าไปเล่นด้วย/////// 
ภาพ / ข่าว  ศิริเกษ  หมายสุข ผู้สื่อข่าวประจำ จ. ศรีสะเกษ

ศรีสะเกษ ไฟไหม้ ร.ร.บ้านสลักไดวอดทั้งหลัง เหตุเกิดช่วงใกล้สว่างชาวบ้านแห่มาช่วยกันดับไฟแต่ไร้ผล

โชคดีไม่มีผู้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต ขณะที่ ผอ.สพป.ศรีสะเกษ เขต 3 สั่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว
เมื่อเวลา  05.00 น. วันที่ 30 มี.ค. 2567  ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ ร.ร.บ้านสลักได ต.สุขสวัสดิ์  อ.ไพรบึง            จ.ศรีสะเกษ ได้เกิดเพลิงลุกไหม้อาคารเรียนที่มีอยู่เพียง 1 หลัง  ไฟได้โหมลุกไหม้อย่างรวดเร็วและรุนแรงมาก นายสมควร ไก่แก้ว รองนายก อบต.สุขสวัสดิ์  ซึ่งบ้านอยู่ใกล้ที่เกิดเหตุ จึงได้ร่วมกับ ผญบ.สลักได  และชาวบ้านพากันมาดับไฟกันอย่างโกลาหล พร้อมทั้งได้แจ้งขอความช่วยเหลือไปยัง อบต.โนนปูน อบต.ปราสาทเยอ อบต.จะกง และเทศบาล ต.ไพรบึง เพื่อขอรถดับเพลิงมาช่วยกันระดมฉีดน้ำดับเพลิงกันอย่างเต็มที่ แต่เนื่องจากว่า อาคารเรียนชั้นบนเป็นไม้ ชั้นล่างเป็นปูนซีเมนต์ ทำให้ไฟไหม้อาคารเรียนชั้นบนอย่างรวดเร็วมาก  จากนั้น ไฟได้ลามไหม้ลงมาชั้นล่างของอาคารเรียนจนหมดทั้งหลัง  เจ้าหน้าที่ดับเพลิงใช้เวลาประมาณ 45 นาที จึงสามารถควบคุมเพลิงเอาไว้ได้  มีอาคารประกอบและบ้านพักครู 1 หลังที่อยู่ใกล้กันได้รับความเสียหายเล็กน้อย โดยมี นางอัญชลี  เสนคราม ครู คศ.2 รักษาราชการแทน ผอ.ร.ร.บ้านหนองอิไทย และคณะครูพากันมาร่วมกับชาวบ้านช่วยกันดับเพลิงอย่างเต็มที่ ต่อมา ว่าที่ ร.ต.สำรวย  นกงาม ผอ.สพป.ศรีสะเกษ เขต 3 และคณะได้มาทำการตรวจการเกิดเหตุเพลิงไหม้ ร.ร. พร้อมทั้งได้ร่วมกับ ผญบ.และชาวบ้าน ร่วมกันสำรวจความเสียหายที่เกิดขึ้น  ซึ่งพบว่า อาคารเรียนโดนไฟไหม้เสียหายทั้งหลัง ไม่สามารถใช้การได้ แต่โชคดีที่ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บและไม่มีผู้เสียชีวิตแต่อย่างใด
นายสมควร  ไก่แก้ว รองนายก อบต.สุขสวัสดิ์  ซึ่งบ้านอยู่ใกล้ที่เกิดเหตุ กล่าวว่า  ชาวบ้านใกล้ ร.ร.ได้มองไปที่ ร.ร.พบว่า มีไฟไหม้ขึ้นที่ ร.ร. เพราะว่ามีแสงไฟสว่างจ้าในช่วงเวลาประมาณ 04:00 น. ของวันที่ 30 มีนาคมและได้มาแจ้งให้ตนทราบ ตนจึงได้แจ้งให้ผู้ใหญ่บ้านทราบเพื่อให้มาดูและขอให้แจ้งประกาศทางหอกระจายข่าวของหมู่บ้านเพื่อให้ชาวบ้านมาร่วมกันดับไฟ ตอนช่วงที่ตนมาถึงนั้นพบว่าไฟไหม้ชั้นบนของอาคารเรียนหมดแล้ว จึงได้รีบประสานงานเรียกรถดับเพลิงจาก อบต.ปราสาทเยอ อบต.โนนปูน อบต.จะกงและเทศบาล ต.ไพรบึง ให้ส่งรถดับเพลิง จำนวน 4 คันมาช่วยกันดับไฟอย่างเต็มที่ แต่เนื่องจากอาคารเรียนทำด้วยไม้ ทำให้โดนไฟไหม้วอดทั้งหลังอย่างรวดเร็วมาก  ซึ่งตนและชาวบ้านทุกคนต่างพากันเศร้าเสียใจมาก  เพราะว่า  ตนและชาวบ้านสลักไดทุกคนเคยเรียนหนังสือที่ ร.ร.แห่งนี้ และได้พากันมาพัฒนาความสะอาดปรับปรุง ร.ร.เป็นประจำอยู่เสมอ โดยล่าสุดเมื่อวันที่ 25 มี.ค. ตนร่วมกับคณะครู ร.ร.บ้านหนองอิไทยและชาวบ้าน ได้พากันมาพัฒนาความสะอาดที่ ร.ร.แห่งนี้
นางอัญชลี  เสนคราม ครู คศ.2 รักษาราชการแทน ผอ.ร.ร.บ้านหนองอิไทย   กล่าวว่า ตนได้รับแจ้งจากชาวบ้านเมื่อเวลาประมาณ 05:00 น. ว่าเกิดเพลิงไหม้ที่ ร.ร.บ้านสลักได ตนจึงได้แจ้งให้คณะครูทราบและพากันมาร่วมกับชาวบ้านช่วยกันดับไฟ แต่ว่าไม่มีใครกล้าที่จะเข้าไปใกล้ เนื่องจากเพลิงไหม้รุนแรงมาก จะต้องรอให้รถดับเพลิงมาช่วยสกัดเพลิงไหม้และควบคุมเพลิงเอาไว้ได้เสียก่อน  เพราะว่าไฟลุกไหม้รุนแรงมากเข้าใกล้ไม่ได้  ร.ร.แห่งนี้ไม่มี น.ร.มาเรียนอยู่แล้ว เพราะว่า น.ร.ที่ ร.ร.แห่งนี้ไปเรียนควบรวมอยู่ที่ ร.ร.บ้านหนองอิไทย ต.สุขสวัสดิ์ อ.ไพรบึง ซึ่งห่างไปประมาณ 4  กม.ตั้งแต่ประมาณปี 2559 ที่ผ่านมา ซึ่ง ร.ร.แห่งนี้จะไม่มีใครอยู่เลย แต่ว่าได้มาร่วมกับชาวบ้านทำการพัฒนาความสะอาดดูแลรักษาเป็นประจำอยู่เสมอ ล่าสุดเมื่อวันที่ 25 มีนาคมที่ผ่านมา ก็ได้ร่วมกับชาวบ้านมาพัฒนาทำความสะอาดรอบบริเวณ ร.ร.โดยจะทำความสะอาดที่ ร.ร.แห่งนี้เป็นประจำทุกภาคเรียน เพราะว่ายังถือว่ายังอยู่ในความดูแลของ ร.ร.บ้านหนองอิไทย ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ ตนได้รายงานทางโทรศัพท์ให้ ผอ.ร.ร.บ้านหนองอิไทย ซึ่งอยู่ระหว่างเดินทางไปราชการที่กรุงเทพได้รับทราบเบื้องต้นแล้ว

ว่าที่ ร.ต.สำรวย  นกงาม ผอ.สพป.ศรีสะเกษ เขต 3  กล่าวว่า  จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า อาคารเรียนที่เกิดเพลิงไหม้ เป็นอาคารเรียนแบบ ศก.01 มี 6 ห้องเรียนแยกเป็น ชั้นล่าง 3 ห้องเรียนและ ชั้นบน 3 ห้องเรียน  แต่ว่าไม่ได้ใช้อาคารเรียนจัดการเรียนการสอนแต่อย่างใด  โดยมีการยุบรวม ร.ร.แห่งนี้และให้เด็ก น.ร.ที่มีอยู่ประมาณ 40 คนไปเรียนรวมอยู่กับ ร.ร.บ้านหนองอิไทย ที่อยู่ใกล้กันตามนโยบายของ สพฐ. ร.ร.แห่งนี้ได้มีการตัดไฟฟ้าออกหมดแล้ว และได้มีชุมชนพากันมาใช้ประโยชน์ในการจัดประชุมและจัดกิจกรรมต่าง ๆ กันเป็นประจำ  โดยคณะครูและชาวบ้านได้ร่วมกันดูแลรักษาความสะอาดเป็นประจำอยู่เสมอ  จากเหตุการณ์เพลิงไหม้ครั้งนี้ ตนจะได้สั่งแต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบข้อเท็จจริง และจะได้รายงานให้ เลขาธิการ กพฐ.ได้รับทราบต่อไป////////


ภาพ / ข่าว  ศิริเกษ  หมายสุข ผู้สื่อข่าวประจำ จ. ศรีสะเกษ

ศรีสะเกษ ไฟไหม้ ร.ร.บ้านสลักไดวอดทั้งหลัง เหตุเกิดช่วงใกล้สว่างชาวบ้านแห่มาช่วยกันดับไฟแต่ไร้ผล

โชคดีไม่มีผู้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต ขณะที่ ผอ.สพป.ศรีสะเกษ เขต 3 สั่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว
เมื่อเวลา  05.00 น. วันที่ 30 มี.ค. 2567  ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ ร.ร.บ้านสลักได ต.สุขสวัสดิ์  อ.ไพรบึง            จ.ศรีสะเกษ ได้เกิดเพลิงลุกไหม้อาคารเรียนที่มีอยู่เพียง 1 หลัง  ไฟได้โหมลุกไหม้อย่างรวดเร็วและรุนแรงมาก นายสมควร ไก่แก้ว รองนายก อบต.สุขสวัสดิ์  ซึ่งบ้านอยู่ใกล้ที่เกิดเหตุ จึงได้ร่วมกับ ผญบ.สลักได  และชาวบ้านพากันมาดับไฟกันอย่างโกลาหล พร้อมทั้งได้แจ้งขอความช่วยเหลือไปยัง อบต.โนนปูน อบต.ปราสาทเยอ อบต.จะกง และเทศบาล ต.ไพรบึง เพื่อขอรถดับเพลิงมาช่วยกันระดมฉีดน้ำดับเพลิงกันอย่างเต็มที่ แต่เนื่องจากว่า อาคารเรียนชั้นบนเป็นไม้ ชั้นล่างเป็นปูนซีเมนต์ ทำให้ไฟไหม้อาคารเรียนชั้นบนอย่างรวดเร็วมาก  จากนั้น ไฟได้ลามไหม้ลงมาชั้นล่างของอาคารเรียนจนหมดทั้งหลัง  เจ้าหน้าที่ดับเพลิงใช้เวลาประมาณ 45 นาที จึงสามารถควบคุมเพลิงเอาไว้ได้  มีอาคารประกอบและบ้านพักครู 1 หลังที่อยู่ใกล้กันได้รับความเสียหายเล็กน้อย โดยมี นางอัญชลี  เสนคราม ครู คศ.2 รักษาราชการแทน ผอ.ร.ร.บ้านหนองอิไทย และคณะครูพากันมาร่วมกับชาวบ้านช่วยกันดับเพลิงอย่างเต็มที่ ต่อมา ว่าที่ ร.ต.สำรวย  นกงาม ผอ.สพป.ศรีสะเกษ เขต 3 และคณะได้มาทำการตรวจการเกิดเหตุเพลิงไหม้ ร.ร. พร้อมทั้งได้ร่วมกับ ผญบ.และชาวบ้าน ร่วมกันสำรวจความเสียหายที่เกิดขึ้น  ซึ่งพบว่า อาคารเรียนโดนไฟไหม้เสียหายทั้งหลัง ไม่สามารถใช้การได้ แต่โชคดีที่ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บและไม่มีผู้เสียชีวิตแต่อย่างใด
นายสมควร  ไก่แก้ว รองนายก อบต.สุขสวัสดิ์  ซึ่งบ้านอยู่ใกล้ที่เกิดเหตุ กล่าวว่า  ชาวบ้านใกล้ ร.ร.ได้มองไปที่ ร.ร.พบว่า มีไฟไหม้ขึ้นที่ ร.ร. เพราะว่ามีแสงไฟสว่างจ้าในช่วงเวลาประมาณ 04:00 น. ของวันที่ 30 มีนาคมและได้มาแจ้งให้ตนทราบ ตนจึงได้แจ้งให้ผู้ใหญ่บ้านทราบเพื่อให้มาดูและขอให้แจ้งประกาศทางหอกระจายข่าวของหมู่บ้านเพื่อให้ชาวบ้านมาร่วมกันดับไฟ ตอนช่วงที่ตนมาถึงนั้นพบว่าไฟไหม้ชั้นบนของอาคารเรียนหมดแล้ว จึงได้รีบประสานงานเรียกรถดับเพลิงจาก อบต.ปราสาทเยอ อบต.โนนปูน อบต.จะกงและเทศบาล ต.ไพรบึง ให้ส่งรถดับเพลิง จำนวน 4 คันมาช่วยกันดับไฟอย่างเต็มที่ แต่เนื่องจากอาคารเรียนทำด้วยไม้ ทำให้โดนไฟไหม้วอดทั้งหลังอย่างรวดเร็วมาก  ซึ่งตนและชาวบ้านทุกคนต่างพากันเศร้าเสียใจมาก  เพราะว่า  ตนและชาวบ้านสลักไดทุกคนเคยเรียนหนังสือที่ ร.ร.แห่งนี้ และได้พากันมาพัฒนาความสะอาดปรับปรุง ร.ร.เป็นประจำอยู่เสมอ โดยล่าสุดเมื่อวันที่ 25 มี.ค. ตนร่วมกับคณะครู ร.ร.บ้านหนองอิไทยและชาวบ้าน ได้พากันมาพัฒนาความสะอาดที่ ร.ร.แห่งนี้
นางอัญชลี  เสนคราม ครู คศ.2 รักษาราชการแทน ผอ.ร.ร.บ้านหนองอิไทย   กล่าวว่า ตนได้รับแจ้งจากชาวบ้านเมื่อเวลาประมาณ 05:00 น. ว่าเกิดเพลิงไหม้ที่ ร.ร.บ้านสลักได ตนจึงได้แจ้งให้คณะครูทราบและพากันมาร่วมกับชาวบ้านช่วยกันดับไฟ แต่ว่าไม่มีใครกล้าที่จะเข้าไปใกล้ เนื่องจากเพลิงไหม้รุนแรงมาก จะต้องรอให้รถดับเพลิงมาช่วยสกัดเพลิงไหม้และควบคุมเพลิงเอาไว้ได้เสียก่อน  เพราะว่าไฟลุกไหม้รุนแรงมากเข้าใกล้ไม่ได้  ร.ร.แห่งนี้ไม่มี น.ร.มาเรียนอยู่แล้ว เพราะว่า น.ร.ที่ ร.ร.แห่งนี้ไปเรียนควบรวมอยู่ที่ ร.ร.บ้านหนองอิไทย ต.สุขสวัสดิ์ อ.ไพรบึง ซึ่งห่างไปประมาณ 4  กม.ตั้งแต่ประมาณปี 2559 ที่ผ่านมา ซึ่ง ร.ร.แห่งนี้จะไม่มีใครอยู่เลย แต่ว่าได้มาร่วมกับชาวบ้านทำการพัฒนาความสะอาดดูแลรักษาเป็นประจำอยู่เสมอ ล่าสุดเมื่อวันที่ 25 มีนาคมที่ผ่านมา ก็ได้ร่วมกับชาวบ้านมาพัฒนาทำความสะอาดรอบบริเวณ ร.ร.โดยจะทำความสะอาดที่ ร.ร.แห่งนี้เป็นประจำทุกภาคเรียน เพราะว่ายังถือว่ายังอยู่ในความดูแลของ ร.ร.บ้านหนองอิไทย ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ ตนได้รายงานทางโทรศัพท์ให้ ผอ.ร.ร.บ้านหนองอิไทย ซึ่งอยู่ระหว่างเดินทางไปราชการที่กรุงเทพได้รับทราบเบื้องต้นแล้ว

ว่าที่ ร.ต.สำรวย  นกงาม ผอ.สพป.ศรีสะเกษ เขต 3  กล่าวว่า  จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า อาคารเรียนที่เกิดเพลิงไหม้ เป็นอาคารเรียนแบบ ศก.01 มี 6 ห้องเรียนแยกเป็น ชั้นล่าง 3 ห้องเรียนและ ชั้นบน 3 ห้องเรียน  แต่ว่าไม่ได้ใช้อาคารเรียนจัดการเรียนการสอนแต่อย่างใด  โดยมีการยุบรวม ร.ร.แห่งนี้และให้เด็ก น.ร.ที่มีอยู่ประมาณ 40 คนไปเรียนรวมอยู่กับ ร.ร.บ้านหนองอิไทย ที่อยู่ใกล้กันตามนโยบายของ สพฐ. ร.ร.แห่งนี้ได้มีการตัดไฟฟ้าออกหมดแล้ว และได้มีชุมชนพากันมาใช้ประโยชน์ในการจัดประชุมและจัดกิจกรรมต่าง ๆ กันเป็นประจำ  โดยคณะครูและชาวบ้านได้ร่วมกันดูแลรักษาความสะอาดเป็นประจำอยู่เสมอ  จากเหตุการณ์เพลิงไหม้ครั้งนี้ ตนจะได้สั่งแต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบข้อเท็จจริง และจะได้รายงานให้ เลขาธิการ กพฐ.ได้รับทราบต่อไป////////

ภาพ / ข่าว  ศิริเกษ  หมายสุข ผู้สื่อข่าวประจำ จ. ศรีสะเกษ

วันเสาร์ที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2567

#คอกาแฟห้ามพลาดวันนี้รายการทั่วไทยbyโกดำแนะนำร้านยู -คาเฟ่ You Cafe Coffee & Restaurant อำเภอเสนา

อยากแนะนำ สำหรับนักเดินทาง ผู้ที่หลงไหลธรรมชาติและความอร่อยของอาหารอากาศร้อนๆแบบนี้ ต้องได้เครื่องดื่มเย็นๆสักแก้วจะสดชื่น ยิ่งเวลาดื่ม พบกับบรรยากาศ ทุ่งนาเขียวขจี จะทำให้นึกถึงความสุข ที่ไม่รู้ลืม เครื่องดื่มในบรรยากาศ ร่มรื่น วิวสวยงาม ชิล-ชิล ดูแลโดยเจ้าของร้านเป็นกันเอง เส้นทาง จังหวัดอยุธยา ร้านยู -คาเฟ่  You Cafe Coffee & Restaurant อำเภอเสนา ร้านอาหารและกาแฟสด บรรยากาศร่มรื่น คาเฟ่อยุธยา ตั้งอยู่49/9 ม 2 ต.บ้านแพน อ.เสนา จ.อยุธยา 13110  

https://youtube.com/shorts/Zqz1P4-PceQ?si=KVccCdb_g-3mtu_7

มีบริการเครื่องดื่ม กาแฟ ชาไทย ชาเขียว ชามะนาว อาการคาว-หวาน แถมช่วงค่ำมีเครื่องดื่มสายแอลกอฮอล์ก็แวะมาสังสรรค์ เจรจาธุรกิจ เจรจาเพื่อนฝูง เมาท์มอยเจ้านาย ลูกน้อง ญาติสนิทมิตรสหายได้ ยินดีต้อนรับทุกท่าน รับรองประทับใจ 
สอบถามเพิ่มเติมหรือติดตามข้อมูลได้ที่ 
Facebook: 
https://www.facebook.com/youcafe?mibextid=LQQJ4d
หรือติดต่อ คุณชัยวัฒน์ รักษ์บงกชกุล
เบอร์โทร ☎️0990188851